กรุงเทพฯ--23 มิ.ย.--มาเธอร์ ครีเอชั่น
บริษัท ดาว (Dow)ประกาศความมุ่งมั่นใหม่ ต่อยอดจากเป้าหมายความยั่งยืนปี 2568 เน้นแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และขยะพลาสติก มุ่งสู่การเป็นบริษัทด้านแมททีเรียล ไซแอนซ์ (Materials Science) ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากที่สุดในโลก โดยดำเนินงานด้วยความเป็นเลิศด้านนวัตกรรม เอาใจใส่ต่อลูกค้า และให้การยอมรับบุคลากรที่หลากหลายนอกจากนี้ Dow ยังได้เผยแพร่รายงานความยั่งยืนปี 2562ซึ่งบริษัทฯ ได้ออกรายงานความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 17 เพื่อรายงานความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานสู่เป้าหมายความยั่งยืน
นายจิม ฟิทเทอร์ลิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Dow กล่าวว่า “การประกาศเป้าใหม่ในวันนี้เป็นอีกก้าวของเส้นทางสู่ความยั่งยืนของเราที่ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่กว่า 30 ปีก่อน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและขยะพลาสติกเป็นสองปัญหาใหญ่ที่สุดในด้านเศรษฐกิจ สังคม และ สิ่งแวดล้อมที่โลกได้เคยเผชิญมา ซึ่งผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของ Dowจะมีส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาทั้งสองเรื่องนี้Dow มีความรับผิดชอบ และมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำในการแก้ไขความท้าทายนี้ได้ผมเชื่อว่าอนาคตที่ยั่งยืนนั้นเป็นจริงได้ แต่พวกเราต้องลงมือแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่องด้วยความรับผิดชอบ และร่วมมือร่วมใจกันหาโซลูชั่นด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและขยะพลาสติกได้อย่างตรงจุด”
เป้าใหม่ด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และ การลดขยะของ Dow ที่สอดคล้องและต่อยอดจากเป้าหมายความยั่งยืนปี 2568 มีดังนี้
ต้านโลกร้อน: ภายในปี 2573 Dow จะลดการปล่อยคาร์บอนจำนวน 5 ล้านตันต่อปี หรือ ลดลง 15% จากฐานปี 2563 นอกจากนี้ Dow ยังตั้งใจจะเป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral) ภายในปี 2593เพื่อให้สอดคล้องกับความตกลงปารีส (Paris Agreement) โดยบริษัทฯ ตั้งใจที่จะใช้และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทรัพยากรน้อยลงเพื่อช่วยให้ลูกค้าของ Dow ได้ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยเช่นกัน
หยุดขยะพลาสติก: ภายในปี 2573Dow จะช่วย “หยุดขยะพลาสติก” โดยการทำให้ขยะพลาสติกจำนวน 1 ล้านตันถูกเก็บกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลผ่านการดำเนินงานของบริษัทและความมือร่วมกับภาคส่วนต่างๆซึ่งบริษัทฯ กำลังลงทุนและร่วมมือกับทุกภาคส่วนในด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่จะเพิ่มการรีไซเคิลทั่วโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ
ส่งเสริมวงจรรีไซเคิล:ภายในปี 2578 Dow จะช่วยสร้าง“วงจรรีไซเคิล”ให้สมบูรณ์โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของDow ที่นำไปผลิตเป็นแพคเกจจิ้งจะต้องสามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้ซึ่งบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นจะออกแบบและคิดค้นโซลูชันการนำกลับมาใช้และการรีไซเคิลให้กับผลิตภัณฑ์สำหรับงานแพคเกจจิ้ง
นอกเหนือจากการดำเนินงานต่างๆที่ Dow ได้ทำในทั่วโลกเพื่อจะบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนแล้ว Dow ได้ทำสัญญาเรื่องการใช้พลังงานหมุนเวียนในโรงงานที่อาร์เจนตินา บราซิล รวมทั้ง ที่เท็กซัสและเคนตักกี้ ในสหรัฐอเมริกา โดยจะใช้พลังงานจากทรัพยากรหมุนเวียนทั้งหมด338 เมกะวัตต์ประมาณการเทียบเท่าการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 225,000 ตันซึ่งตรงกับแผนงานที่มีเป้าหมายจะใช้พลังงานหมุนเวียนให้ได้มากกว่า 750 เมกะวัตภายในปี 2568
ผลิตภัณฑ์ของ Dow จำนวนมากช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่าปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการผลิตของตัวผลิตภัณฑ์เอง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้รถยนต์มีน้ำหนักเบาขึ้นและใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ อาคารที่ประหยัดพลังงานมากกขึ้น และอาหารที่ปลอดภัยและคงความสดใหม่ได้นานขึ้นสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับโลกที่คาดว่าจะมีประชากรเพิ่มขึ้นอีก 2 พันล้านคนภายในปี 2593
วันนี้ Dow ได้นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกรีไซเคิลสำหรับงานแพคเกจจิ้งที่ได้มาจากกระบวนการรีไซเคิลเชิงกล หรือ Mechanical Recycling (การนำขยะพลาสติกมาบดและหลอมเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิล)ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและการใช้พลังงานได้ถึง 20-30%
เป้าหมายเรื่องขยะพลาสติกของ Dow คือต้องแน่ใจว่าการลงทุนและความร่วมมือต่างๆ ซึ่งรวมถึงการลงทุนใน Alliance to End Plastic Waste และ Circulate Capitalนั้นมีเป้าหมายที่ชัดเจนที่จะหยุดขยะพลาสติกไม่ให้ไปสู่สิ่งแวดล้อม พร้อมนำธุรกิจของ Dow ไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน
“การลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการหยุดขยะพลาสติกเป็นเรื่องท้าทายที่มีความเชื่อมโยงกัน ในฐานะที่Dow เป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจที่ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ (Low carbon economy) เราจึงคิดค้นและลงทุนในกระบวนการผลิตแบบใหม่ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำและมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งมองขยะเป็นทรัพยากรที่จะช่วยให้เราสามารถสร้างสรรค์วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้”แมรี่ เดรฟส์ รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่ด้านความยั่งยืน กล่าว
Dow จะร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำ องค์กรไม่แสวงหากำไร ผู้เชี่ยวชาญการตรวจสอบ พันธมิตรด้านเทคโนโลยี และหน่วยงานอื่นๆเพื่อทำให้เกิดการพัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมทั้ง เทคโนโลยีที่ปลดปล่อยคาร์บอนในระดับต่ำ เพื่อในที่สุดแล้วจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ทั่วโลก ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัทต่างๆสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับการลดก๊าซเรือนกระจกดังที่กล่าวมาได้Dow ตั้งใจจะเปิดเผยข้อมูลด้านความร่วมมือเพิ่มเติมในปลายปีนี้ จากเนื้อหาของรายงานความยั่งยืนปี 2562ของ Dowที่เผยแพร่ในวันนี้ เราได้มีความคืบหน้าในการดำเนินงานเพื่อไปถึงเป้าหมายความยั่งยืนปี 2568 ตัวอย่างเช่น ตั้งแต่ปี 2549Dow ได้
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปแล้ว 15%
- รวมราคาคาร์บอนเครดิตเข้าไปอยู่ในแผนธุรกิจ
- ลงทุนในด้านการใช้พลังงานหมุนเวียน– Dow เป็นบริษัทที่ใช้พลังงานสะอาดมากเป็นเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรมเคมี และติด 1 ในท็อป 25 ของบริษัททั่วโลกในด้านการใช้พลังงานหมุนเวียน
ดูรายงานด้านความยั่งยืนของกลุ่มบริษัท Dow ระดับสากล ฉบับเต็มที่https://corporate.dow.com/en-us/science-and-sustainability/reporting/sustainability-report-2019/
สำหรับประเทศไทย นอกจากการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้กับลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ แล้ว กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทยยังได้หารือความร่วมมือกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) เพื่อริเริ่มโครงการ Dow & Thailand Mangrove Alliance ในการอนุรักษ์ป่าชายเลนซึ่งสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 5 เท่าเมื่อเทียบกับป่าไม้ประเภทอื่น และป้องกันขยะไม่ให้ไหลลงสู่ทะเลด้วยกลไกทางเศรษฐศาสตร์และการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยในปีนี้จะเริ่มทำโครงการนำร่องที่ป่าชายเลนในเขตเทศบาลตำบลปากน้ำประแส จังหวัดระยอง เป็นแห่งแรก และจะขยายผลไปยังป่าชายเลนที่สำคัญของประเทศไทยต่อไปอีกด้วย
“Dow ดำเนินโครงการปลูกป่าชายเลนที่ปากน้ำประแสมานานกว่า 11 ปี และ ในปีนี้เราจะยกระดับโครงการให้ใหญ่และครบวงจรมากขึ้น เพื่อเป็นโครงการนำร่อง เตรียมการขยายไปยังป่าชายเลนที่สำคัญในจังหวัดอื่นๆ รวมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมทั้งกับชุมชนและประชาชน เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันแก้วิกฤตโลกร้อน ลดปัญหาขยะทะเลด้วยกันอย่างเป็นรูปธรรมในประเทศไทย สอดคล้องกับเป้าหมายใหม่ของ Dow ทั่วโลก”นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัยประธานบริหารกลุ่มบริษัทดาวประเทศไทยกล่าว