กรุงเทพฯ--24 มิ.ย.--คิธแอนด์คิน ฯ
จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอร์เจียในสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ประเทศไทยมีปัญหาขยะทางทะเล เป็นอันดับ 6 ของโลก โดยในปี 2560 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีขยะทั้งหมดรวมแล้ว 27.4 ล้านตันต่อปี หรือ คิดเป็นปริมาณขยะที่เกิดขึ้นเฉลี่ย 1.1 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน
อย่างไรก็ตาม ปริมาณขยะกว่า 11 ล้านตันสามารถกำจัดได้ อีก 8.5 ล้านตันสามารถนำไปรีไซเคิลได้ และ 1.1 ล้านตันสามารถนำไปซื้อขายหรือแปรรูปได้ ทั้งนี้ยังมีขยะอีกจำนวนมากหลงเหลืออยู่ ซึ่งจำเป็นต้องมีระบบบริหารจัดการที่ดี
มั่นคงเคหะการ บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าสิ่งแวดล้อมที่ดี เป็นพื้นฐานของการมี Well-being หรือสุขภาวะที่ดี และจากความตั้งใจของบริษัทฯ ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน จึงได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก UN Global Compact หรือเครือข่ายความร่วมมือแห่งสหประชาชาติ โดยมีเป้าหมายที่มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้กรอบการดำเนินงาน 17 ประการ หรือ SDGs (Sustainable Development Goals) ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขับเคลื่อนตามเป้าหมายดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม และสอดคล้องกับภารกิจหลักและแผนการดำเนินงานที่บริษัทฯ วางไว้
นางสาวดุษฎี ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และร่วมแก้ไขปัญหาขยะในแม่น้ำ รวมถึงบริเวณอ่าวไทย เพราะการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี จะนำไปสู่การมีชีวิตที่ดี หรือมี Well-being ดังนั้นในปีนี้ มั่นคงเคหะการจึงได้เดินหน้าโครงการจัดการขยะลอยน้ำต่อเป็นเฟสที่ 2 โดยได้มอบทุ่นกักขยะ (Boom) ความยาว 175 เมตร ให้กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในวันทะเลโลก 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพื่อดักขยะในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเลของสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจำนวน 7 พื้นที่ ประกอบด้วย ระยอง ชลบุรี เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี สงขลา พังงา และกระบี่
งานวันทะเลโลก ประจำปี 2563 จัดขึ้นภายใต้ธีม Innovation for a Sustainable Ocean หรือ "นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนของมหาสมุทร" โดยในปีนี้ได้รับความร่วมมือจากองค์กรพันธมิตรหลายองค์กร ได้แก่ UNDP, UNEP, สมาคมบลูคาร์บอน, บมจ. มั่นคงเคหะการ, ธุรกิจเคมิคอลส์ เอส ซี จี และมูลนิธิ TerraCycle Thai Foundation นอกจากนี้ ยังได้รับความสนใจจากหลายประเทศโดยได้ส่งเอกอัครราชทูต รวมถึง ผู้แทนสถานทูตประจำประเทศไทยเข้าร่วมงาน ภายในงานได้มีการจัดนิทรรศการ “โครงการจัดการขยะลอยน้ำด้วยทุ่นกักขยะ (BOOM)” โดยบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) เพื่อสร้างความตระหนักรู้เรื่องปัญหาขยะ ในแหล่งน้ำ ซึ่งจัดแสดงพร้อมกัน 2 แห่ง คือที่กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และที่วัดบางน้ำผึ้งนอก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังได้เข้าร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนความเห็นร่วมกับหน่วยงานราชการและ ภาคประชาคมในพื้นที่คุ้งบางกะเจ้า เรื่อง “ปัญหาขยะและสิ่งแวดล้อมทางทะเล” จัดขึ้นโดย สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 ซึ่งความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมเสวนาในครั้งนี้ ได้สอดคล้องกับแนวคิดของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ที่เล็งเห็นว่าปัญหาขยะในทะเลกำลังเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากมีการใช้ทรัพยากรเพิ่มมากขึ้นและการทิ้งขยะอย่างไม่เหมาะสมจนเกิดปัญหาขยะปะปนไปในสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบไปยังชายฝั่งทะเล จึงจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีความเข้มแข็ง ทั้งในด้านเทคโนโลยี และการจัดการที่ดี
ด้วยความตั้งใจที่จะร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมเรื่อยมา ในปี 2562 บริษัทฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และชุมชนในพื้นที่ จับมือกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) 5 หน่วยงาน คือ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กรมการท่องเที่ยว กรมเจ้าท่า อบต.บางน้ำผึ้ง และ บมจ.มั่นคงเคหะการ ดำเนินโครงการนำร่องจัดการขยะลอยน้ำบริเวณปากแม่น้ำ ด้วยการติดตั้งทุ่นกักขยะ หรือ BOOM ในพื้นที่ตำบลบางน้ำผึ้ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ รวม 250 เมตร 5 จุดสำคัญ บริเวณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมได้มอบเรือยนต์สำหรับเก็บขยะในแม่น้ำอีกจำนวน 1 ลำ ให้กับ อบต.บางน้ำผึ้ง เพื่อใช้เป็นสาธารณะประโยชน์ส่วนรวม หลังจากที่ติดตั้ง BOOM สามารถกักเก็บขยะได้มากถึงกว่า 4,000 กิโลกรัมหรือกว่า 4 ตัน ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี โดยส่วนใหญ่เป็นขยะอินทรีย์ ตามด้วยพลาสติกและโฟมที่มาจากการทิ้งไม่ถูกที่และไม่แยกขยะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล
“มั่นคงฯ มีแนวคิดที่จะเสริมสร้างสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนในชุมชน รวมทั้งยังมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับพนักงานภายในองค์กรอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ซึ่งโครงการที่กำลังดำเนินการ ในปัจจุบัน ได้แก่ โครงการบริหารจัดการขยะให้เป็นศูนย์ โดยอำนวยความสะดวกและกระตุ้นให้พนักงาน แยกขยะตั้งแต่ต้นทางเพื่อรีไซเคิล เริ่มต้นที่มือของแต่ละคน อย่าง MUNKONG Waste Free Project, โครงการรณรงค์งดใช้ Single Use พลาสติก, โครงการปลูกสวนผักออร์แกนิคบนดาดฟ้าอาคาร รวมไปถึงการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรอื่น ๆ ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ เช่น Global Compact Network Thailand, Blue Carbon Society ฯลฯ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืน” นางสาวดุษฎี กล่าวเพิ่มเติม
จากความสำเร็จของโครงการจัดการขยะลอยน้ำด้วยทุ่นกักขยะ ในพื้นที่คุ้งบางกระเจ้า ส่งผลบวกให้สิ่งแวดล้อมและคุณภาพของชีวิตผู้คนในชุมชนค่อยๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ยืนยันที่จะเดินหน้ารณรงค์ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาขยะ จับมือกับพันธมิตรและคนในท้องที่ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดีที่สุด ร่วมกันลดปริมาณขยะตั้งแต่ต้นทาง สร้างสรรค์กิจกรรมทำความสะอาดระหว่างทาง เพื่อลดปริมาณขยะที่จะไหลลงสู่ทะเลในปลายทาง ทำให้สามารถช่วยสัตว์ทะเลที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการกินขยะได้อย่างยั่งยืนและเห็นผลได้จริงต่อไป