กรุงเทพฯ--26 มิ.ย.--มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา
อีกไม่กี่วันที่โรงเรียนจะเปิดภาคเรียน นักเรียนจำนวนมากตื่นเต้นที่จะได้ไปโรงเรียนแม้ว่าอาจจะต้องแบ่งกันไปเรียนเป็นกลุ่มสลับกันเรียนสัปดาห์เว้นสัปดาห์กับการเรียนออนไลน์ที่บ้านตามนโยบายของภาครัฐจากนโยบายห่างทางสังคมหรือ Social distancing เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 อย่างไรก็ตามยังมีนักเรียนอีกกว่า 3,400 คนที่ยังต้องต่อสู้กับโชคชะตาจากฐานะครอบครัวที่ยากจน รอทุนการศึกษาจากผู้ใหญ่ใจดี ผู้อุปการะคุณทางการศึกษาโดยหวังว่าจะได้มีโอกาสเรียนหนังสืออย่างมีความสุขเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ บ้าง
มูลนิธิ EDF (มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา) ที่ทำงานพัฒนาการศึกษาของเยาวชนที่ด้อยโอกาสทั้งในเรื่องทุนการศึกษาและพัฒนาโครงการต่างๆ ภายในโรงเรียนและชุมชนมาตั้งแต่ปี 2530 มีเรื่องราวตัวอย่างนักเรียนยากจนที่รอทุนการศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่กำลังจะปิดรับทุนภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ในวันที่ 30 มิถุนายน ที่พยายามต่อสู้ชีวิต ช่วยเหลือครอบครัวด้วยการหารายได้พิเศษเล็กๆ น้อยๆ
เด็กหญิงรำไพ หรือน้องปอ วัย 13 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดมุกดาหาร อาศัยอยู่กับแม่ที่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป โดยในช่วงปิดภาคเรียนหารายได้ด้วยการเก็บของป่า หาหน่อไม้ ไข่มดแดง เห็ดป่าไปจำหน่าย นำรายได้มาช่วยแม่เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน ถึงแม้ว่าจะได้รายได้ไม่มากนักแต่น้องปอก็ดีใจ ภูมิใจที่ได้ช่วงแม่แบ่งเบาภาระและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
เด็กชายรัชชานนท์ หรืออิคคิว วัย 13 ปี อาศัยอยู่กับยายที่จังหวัดนครราชสีมาที่หาเลี้ยงชีพด้วยการทำมันฉาบขาย โดยอิคคิวมีหน้าที่ช่วยปอกและล้างมันเทศและฝานเป็นชิ้นๆ ให้ยายนำไปทอด แต่เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ผู้คนไม่ค่อยซื้อของในตลาดมากนัก ทำให้อิคคิวกังวลว่ายายจะมีเงินเพียงพอในการส่งให้อิคคิวเรียนหนังสือได้ไหม
เด็กหญิงดวงฤทัย หรือน้องมิ้น วัย 13 ปี ที่อาศัยอยู่กับย่าที่จังหวัดชัยภูมิเนื่องจากพ่อแม่แยกทางกัน โดยพยายามหารายได้ช่วยเหลือย่าและตนเองเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้าน และค่าขนมก่อนเปิดภาคเรียนด้วยการทำงานที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวและส้มตำ เช่น ล้างจาน จัดโต๊ะ เสิร์ฟอาหาร และช่วยจัดอุปกรณ์ต่างๆ ภายในร้าน
เด็กชายนภัทร หรือน้องคาวี วัย 13 ปี อาศัยที่จังหวัดเลยกับตายายที่ไม่สามารถทำงานหนักได้ ทำให้คาวีต้องแบกภาระหาเลี้ยงชีพเป็นเสาหลักของครอบครัวแทนด้วยการรับจ้างทำงานหลากหลายอย่าง เช่น รับจ้างกรีดจ้าง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของครอบครัวและเป็นค่าเล่าเรียนของตนเองโดยหวังว่าจะได้เรียนสูงๆ เพื่อจะได้มีการงานที่ดีและสามารถเลี้ยงดูตายายผู้มีพระคุณได้
นายสรรเพชร นิลรัตน์ กรรมการผู้จัดการมูลนิธิ EDF (มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา) เปิดเผยว่า “ก่อนถึงวันเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2563 ในวันที่ 1 กรกฏาคมที่จะถึงนี้มีนักเรียนยากจนในโรงเรียนต่างๆ ภายใต้การดูแลของมูลนิธิ EDF ที่ยังรอรับทุนประจำปีการศึกษา 2563 กว่า 3,400 คน ทั้งนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย / อาชีวศึกษา นักเรียนพิการเรียนร่วมชั้นกับนักเรียนปรกติ นักเรียนกำพร้า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และนิสิตนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ผู้สนใจที่ต้องการสนับสนุนทุนการศึกษากับมูลนิธิ EDF สามารถคลิกดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.edfthai.org หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 02 579 9209-11 และสามารถโอนเงินผ่านบัญชีออมทรัพย์มูลนิธิ EDF ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขางามวงศ์วาน เลขที่บัญชี 319-2-77744-8 ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางเขน เลขที่บัญชี 070-2-45369-0 ธนาคารทหารไทย สาขามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เลขที่บัญชี 069-2-41110-1 และธนาคารกรุงไทย สาขาพหลโยธิน 40 เลขที่บัญชี 980-7-59891-5 หลังจากนั้นส่งสำเนาหรือภาพถ่ายสลิปโอนเงิน พร้อมรายละเอียดสำหรับการออกใบเสร็จรับเงินบริจาคไปที่อีเมล public@edfthai.org หรือโทรสาร 02 940 5266 ทั้งนี้การบริจาคเงินผ่านมูลนิธิ EDF สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีตามกฎหมาย”
“สำหรับเด็กๆ ในวัยเรียนเหล่านี้ การทำงานหารายได้พิเศษ หรือช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัว อาจดูเป็นเรื่องน่าชื่นชมต่อผู้พบเห็น แต่อาจจะดียิ่งขึ้นหากพวกเขาจะได้รับการการสนับสนุนให้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนอย่างเต็มความรู้ความสามารถ เพื่อที่จะได้มีความรู้และทักษะที่จำเป็นมากเพียงพอที่จะนำไปประกอบอาชีพ เพื่อดูแลตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืนในอนาคต ในนามของมูลนิธิ EDF ผมหวังว่าท่านจะเป็นอีกหนึ่งแรงที่ช่วยสนับสนุนให้เด็กๆ เหล่านี้ สามารถก้าวข้ามวัฎจักรความยากไร้ ด้วยการมอบโอกาสทางการศึกษาที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของเด็กคนหนึ่งได้ตลอดไป” นายสรรเพชรกล่าว
สำหรับมูลนิธิ EDF เป็นองค์กรสาธารณกุศลในประเทศไทยลำดับที่ 255 ที่มีส่วนร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตเยาวชนไทยที่ด้อยโอกาสให้ได้รับโอกาสทางการศึกษามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 จนเป็นที่ยอมรับจากผู้คนรวมถึงหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในประเทศไทยและต่างประเทศ และได้รับรางวัลต่างๆ เช่น รางวัลยอดเยี่ยมองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งประเทศไทย ประเภทองค์กรขนาดใหญ่จากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ สถาบันคีนันแห่งเอเชีย และ เดอะ รีซอร์ส อัลลิอันซ์ รางวัลประกาศนียบัตรองค์กรสาธารณกุศลระดับ 5 ดาวจากการดำเนินงานและบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล มีประสิทธิภาพทางการเงิน และมีความโปร่งใสจากสมาคมกิฟวิ่ง แบค รางวัลกัลปพฤกษ์ทองคำจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะหน่วยงานที่ทำความดีอันเป็นประโยชน์ต่อสังคม และรางวัลคนดีต้นแบบคุณธรรมไทยจากสมาคมสหพันธ์คนพิการในประเทศไทย เป็นต้น