![การ์ดตก พบโรคใบด่างระบาดกว่าแสนไร่ ชี้ต้นตอปลูกพันธุ์อ่อนแอ ใช้ท่อนพันธุ์ติดโรค]()
กรุงเทพฯ--30 มิ.ย.--
กรมวิชาการเกษตร
กรมวิชาการเกษตร เร่งกระชับพื้นที่ระบาดโรคใบด่าง
มันสำปะหลัง หลังพบพื้นที่ระบาดเพิ่มกว่าแสนไร่ใน 22 จังหวัด ชี้เป้าปลูกพันธุ์อ่อนแอและใช้ท่อนพันธุ์ติดโรค วอน
เกษตรกรใช้ท่อนพันธุ์มันสะอาดจาก 30 จังหวัดปลอดโรคใบด่าง พร้อมปลูกมันพันธุ์ทนทานโรค ระยอง 72 และ KU 50
นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดี
กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยสถานการณ์การระบาดโรค ใบด่าง
มันสำปะหลังล่าสุดพบโรคใบด่างระบาดในพื้นที่ปลูก
มันสำปะหลังของประเทศไทย รวมจำนวน 22 จังหวัด คือ กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยภูมิ นครราชสีมา นครสวรรค์ บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี มหาสารคาม ระยอง ลพบุรี ศรีสะเกษ สระแก้ว สระบุรี สุพรรณบุรี สุรินทร์ อุทัยธานี อุบลราชธานี มุกดาหาร และลำปาง รวมพื้นที่การระบาดทั้งหมดจำนวน 111,549 ไร่ ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้โรคใบด่าง
มันสำปะหลังระบาดเพิ่มขึ้นเนื่องจากการมีการใช้ท่อนพันธุ์จากแหล่งที่มีการระบาดของโรค
นอกจากนี้ ยังพบ
เกษตรกรบางพื้นที่ยังคงปลูก
มันสำปะหลังพันธุ์ที่อ่อนแอต่อโรคซึ่ง
กรมวิชาการเกษตรได้เคยแจ้งเตือนไปแล้วว่าแม้จะเป็นพันธุ์ที่โตได้ดีและให้น้ำหนักดี แต่เป็นพันธุ์ที่อ่อนแอต่อทุกโรคของ
มันสำปะหลัง เช่น โรคหัวเน่า พุ่มแจ้ และใบด่าง ดังนั้นจึงขอให้
เกษตรกรปลูก
มันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 72 หรือ KU 50 ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ค่อนข้างทนทานต่อโรคใบด่าง และต้องเป็นพันธุ์ที่มาจากแปลงที่ผลิตต้นพันธุ์สะอาดและปลอดโรค รวมทั้งไม่ใช้ท่อนพันธุ์ที่ลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศ เนื่องจากอาจมีโรคใบด่างติดเข้ามากับท่อนพันธุ์ด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดการระบาดในฤดูปลูกต่อมาได้
อธิบดี
กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า การใช้ท่อนพันธุ์ทีมีแหล่งที่มาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พื้นที่การระบาดเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงขอย้ำเตือน
เกษตรกรให้เลือกใช้ท่อนพันธุ์
มันสำปะหลังจากแหล่งที่ยังไม่พบการระบาดของโรคใบด่างจำนวน 30 จังหวัด คือ กำแพงเพชร จันทบุรี ชัยนาท เชียงราย เชียงใหม่ ตาก นครนายก นครพนม นราธิวาส น่าน ประจวบคีรีขันธ์ พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ ยโสธร ร้อยเอ็ด ราชบุรี ลำพูน เลย สกลนคร สิงห์บุรี สุโขทัย หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี และอุตรดิตถ์ รวมทั้งขอความร่วมมือให้
เกษตรกรหยุดปลูกพันธุ์
มันสำปะหลังพันธุ์ที่อ่อนแอต่อโรค จึงจะสามารถหยุดวงจรการแพร่ระบาดของโรคนี้ได้อย่างยั่งยืน เนื่องจากโรคใบด่างจากเชื้อไวรัส Sri Lankan cassava mosaic virus (SLCMV) ทำให้ผลผลิตเสียหายเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
เกษตรกรไม่สามารถเก็บผลผลิตได้ ที่สำคัญโรคนี้สามารถเข้าทำลาย
มันสำปะหลังได้ทุกระยะการเจริญเติบโต จึงขอความร่วมมือให้
เกษตรกรและผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมกันเฝ้าระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำของ
กรมวิชาการเกษตรเพื่อป้องกันไม่ให้พื้นที่การระบาดขยายเป็นวงกว้างเพิ่มขึ้นอีกต่อไป