กรุงเทพฯ--2 ก.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) อิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2563 – ปัจจุบัน ส่งผลให้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย 8 จังหวัด ได้แก่ พะเยา ลำปาง ลำพูน หนองคาย ขอนแก่น ฉะเชิงเทรา พัทลุง และสงขลา รวม 12 อำเภอ 13 ตำบล 33 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 292 หลัง ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 2 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2563 – ปัจจุบัน (2 ก.ค. 63) ส่งผลให้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย 8 จังหวัด รวม 12 อำเภอ 13 ตำบล 33 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 292 หลัง ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 2 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ได้แก่ พะเยา เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ (อำเภอแม่ใจ และอำเภอจุน) 2 ตำบล 10 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 83 หลัง ลำปาง เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเถิน 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ลำพูน เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ (อำเภอแม่ทา อำเภอเวียงหนองล่อง และอำเภอทุ่งหัวช้าง) 3 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 96 หลัง หนองคาย เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอท่าบ่อ 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 4 หลัง ขอนแก่น เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอบ้านไผ่ 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 30 หลัง ฉะเชิงเทรา เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอแปลงยาว 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 12 หลัง พัทลุง เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ (อำเภอกงหรา และอำเภอเขาชัยสน) 3 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 67 หลัง และสงขลา เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอสะบ้าย้อย 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 2 หลัง ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป