กรุงเทพฯ--2 ก.ค.--ไออาร์ พลัส
JMART นำหุ้นเพิ่มทุน JMART-W3 และ JMART-W4 เริ่มซื้อขายบนกระดานวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ สะท้อนความเชื่อมั่นกลุ่มธุรกิจแข็งแกร่งด้วยพลัง Synergy ที่สามารถต่อยอดการเติบโตในธุรกิจการเงิน ธุรกิจค้าปลีก และ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มองระยะยาวขับเคลื่อนการเติบโตด้วยเทคโนโลยี เป็นผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ วางหมากมุ่งดิจิทัลและไฟแนนซ์
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ในฐานะโฮลดิ้ง คอมพานี ที่ลงทุนในธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจการเงิน เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รับหลักทรัพย์ประเภทใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท โดยใช้ชื่อย่อใบสำคัญแสดงสิทธิว่า JMART-W3 และ JMART-W4 เริ่มซื้อขายวันที่ 3 กรกฎาคม 2563
โดย JMART-W3 มีจำนวนหน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน 100,730,041 หน่วย อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิในครั้งแรก (19 มิถุนายน 2563) อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 11 บาทต่อหุ้น วันใช้สิทธิครั้งแรก 30 กันยายน 2563 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 17 มิถุนายน 2565
JMART-W4 มีจำนวนหน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน 100,730,041 หน่วย อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 4 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิในครั้งแรก (19 มิถุนายน 2563) อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 15 บาทต่อหุ้น วันใช้สิทธิครั้งแรก 30 กันยายน 2563 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 18 มิถุนายน 2567
"เจมาร์ท ได้จัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 3 และ ครั้งที่ 4 ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ในอัตราส่วน 9 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ (9:1) ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นและสะท้อนความเชื่อมั่นกลุ่มเจมาร์ทมีพลัง Synergy ที่สามารถต่อยอดการเติบโตได้อย่างแข็งแรง โดยมุ่งหวังขยายในธุรกิจด้านการเงิน โดยนำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาสนับสนุน สร้างแพลตฟอร์มเครือข่ายที่แข็งแกร่ง" นายอดิศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ ภาพรวมของกลุ่มเจมาร์ท มองเป็นธุรกิจที่มีโอกาสโตอีกมหาศาล โดยเชื่อว่าปัจจัยที่จะทำให้บริษัทฯ ห่างจากคู่แข่งได้ก็คือเทคโนโลยี วันนี้จึงเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น และสิ่งหนึ่งที่เจอหลังจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลุ่มบริษัทได้ปรับกระบวนการบริหารจัดการเรื่องต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นโอกาสในการทำกำไร และสร้างรายได้
อย่างไรก็ดี วันนี้กลุ่มเจมาร์ทมีไลเซ่นในการทำธุรกิจการเงินเกือบครบแล้ว และเชื่อว่าบริษัทฯ จะมีไลเซ่นที่ได้จากธนาคารแห่งประเทศไทยครบทุกไลเซ่น เพื่อเตรียมพร้อมขยายการเติบโต สนับสนุนธุรกิจการเงินของกลุ่มเจมาร์ทอย่างมืออาชีพด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี โดยมี บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท เจ ฟินเทค จำกัด และ บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจการเงิน และมีร้านเจมาร์ท ตัวแทนขายซิงเกอร์ เป็นหน่วยให้บริการ และการขายอย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมทั่วประเทศ