ฉีกทุกกฎ-ทุกเทคนิคความงามบนใบหน้าที่คุณเคยรู้จากศัลยแพทย์ความงามชื่อดังจากประเทศเกาหลี

ข่าวทั่วไป Tuesday July 7, 2020 15:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 ก.ค.--เวเบอร์ แชนด์วิค ความสวยงามคือหนึ่งในองค์ประกอบหลักบนใบหน้าของทุกคน ซึ่งปัจจุบันการเติมเต็มความสวยงามให้แก่ใบหน้า ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การดูแลผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ แต่มีนวัตกรรมมากมายที่ช่วยย่นระยะเวลาที่จะช่วยให้ใบหน้าดูดีขึ้นมาได้โดยไม่ต้องศัลยกรรม หนึ่งในนั้นคือนวัตกรรมการลดเลือนริ้วรอยด้วยการฉีด Botulinum Toxin Type A (โบทูลินั่ม ท็อกซิน ไทป์ เอ) หรือที่รู้จักกันว่า ฉีดโบฯ ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก ดร.ลี ยง ซอบ ศัลยแพทย์ความงามชื่อดังจากประเทศเกาหลี ได้ร่วมอัพเดทเทคนิคและเทรนด์การเสริมความงามด้วยการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน ในงาน “Celebration Night to Beauty In All Forms” ซึ่งจัดโดยบริษัทกัลเดอร์มา ประเทศไทย ว่า “การเสริมความงามโดยการใช้สาร โบทูลินั่ม ท็อกซิน ได้รับความนิยมทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย มีคนไข้ที่เข้ารับบริการหรือรักษาผิวพรรณด้วยการฉีดโบฯ เป็นอันดับต้นๆ โดยจุดประสงค์เพื่อความดูดีของตัวเอง ช่วยสร้างความมั่นใจและสร้างโอกาสในชีวิต โดยนวัตกรรมสารลดเลือนริ้วรอยนี้ ได้มีการพัฒนาอยู่ต่อเนื่อง โดยแนวโน้มในปัจจุบันคือจะต้องให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยคนไข้ยังสามารถขยับใบหน้า และแสดงสีหน้าออกทางอารมณ์ได้ตามปกติ ผลลัพธ์ยังต้องอยู่ได้นาน และได้รับประโยชน์ในเรื่องของการปรับรูปหน้า นอกเหนือจากเรื่องลดเลือนริ้วรอยเพียงอย่างเดียว” “หน้าเล็ก” เทรนด์รูปหน้ามาแรงของผู้หญิงเอเชีย ดร.ลี กล่าวว่า “เทรนด์ความงามของผู้หญิงเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นไทย จีน เกาหลี ยังคงต้องการมีรูปหน้าที่เล็ก โดยรูปหน้ายอดนิยม คือหน้ารูปหัวใจ และใบหน้ารูปไข่ ในขณะที่ลักษณะโครงสร้างรูปหน้าของคนเอเชียคือ หน้าแบน ดังนั้นเทคนิคในการปรับรูปหน้า ต้องโฟกัสการปรับบริเวณ ส่วนกลางของใบหน้า (แก้มและจมูก) ให้มีมิติ พุ่งออกมา โดยทั่วไปคนไข้ชาวไทยมักจะมีความกังวลเกี่ยวกับปีกจมูก ส่วนคนจีนและเกาหลีจะมีปัญหาเรื่องกระดูกขากรรไกร ดังนั้น การออกแบบใบหน้าให้กับคนไข้แต่ละคน สิ่งที่แพทย์ต้องคำนึงถึงคือทำอย่างไรให้ใบหน้าที่มีโครงสร้างต่างกันออกมาได้รูปหน้าที่เล็ก ได้สัดส่วน และเสริมความงามในแบบของแต่ละคน เพราะลักษณะใบหน้าที่แตกต่างกัน ต้องมีเทคนิคในการแก้ไขและปรับรูปหน้าที่แตกต่างกันด้วย เพื่อความสวยสมบูรณ์แบบและส่งเสริมเอกลักษณ์ให้กับใบหน้าคนไข้ เทคนิคการฉีดแบบเก่า vs แบบใหม่ ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง ดร.ลี นับเป็นศัลยแพทย์คนแรก ที่คิดค้นเทคนิคการฉีดโบฯ ที่ชั้นผิวหนังแท้ เรียกว่าเทคนิค 'Dermo Lifting’ ด้วยสารลดเลือนริ้วรอย ABO Active 3D จากประเทศอังกฤษในสัดส่วนเฉพาะ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้ โดยได้เล่าว่า “เทคโนโลยีการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เพื่อเสริมความงามได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จากสมัยก่อนคือการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ปัจจุบันได้พัฒนามาเป็นเทคนิคการฉีดที่ชั้นผิวหนัง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ที่สำคัญคือหน้าไม่ตึงแข็ง” ซึ่งเทคนิค 'Dermo Lifting’ ของดร. ลีนี้ คนไข้จะสามารถขยับใบหน้าและแสดงสีหน้าทางอารมณ์ได้อย่างปกติ ที่สำคัญคือเห็นผลลัพธ์ได้ทันที และเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องรอนานเป็นสัปดาห์เหมือนกับการฉีดโบฯ ด้วยเทคนิคเดิมๆ เทคนิคการฉีดโบฯ ปี 2020 อย่างที่กล่าวกันตั้งแต่ต้นว่าเทรนด์เรื่องการเสริมความงามและการดูแลตัวเอง กลายเป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องคอยอัพเดทเพื่อให้ตัวเองอยู่ในกระแสและดูแลตัวเอง รวมถึงเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเข้ารับบริการเสริมงามของตัวเอง ซึ่งดร.ลี ได้พูดถึงเทคนิคการฉีดโบฯ ที่จะได้รับความนิยมมากขึ้นในปี 2020 และในอนาคตข้างหน้าว่า “เทคนิคการฉีดสารลดเลือนริ้วรอย หรือการปรับรูปหน้า ในปี 2020 นั้น คนไข้ต้องไม่เพียงแค่ลดเลือนริ้วรอยแต่ต้องยกกระชับปรับรูปหน้า เห็นผลทันทีอย่างเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นาน มีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น ในการตัดสินใจเข้ารับบริการเสริมความงามใดๆ ต้องพิจารณาถึง 3 ปัจจัยสำคัญ คือ 1) คลินิกที่เข้ารับบริการต้องมีมาตรฐานและน่าเชื่อถือ 2) แพทย์ต้องมีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ตลอดจนผ่านการเทรนอย่างต่อเนื่อง 3) ใช้ตัวยาที่ถูกต้อง เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน โบฯ ในปัจจุบันมีหลากหลายแบรนด์ และแต่ละแบรนด์ก็ให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีผลวิจัยรับรองในประสิทธิภาพและความปลอดภัย ตลอดจนได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ความงามทั่วโลก”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ