กรุงเทพฯ--9 ก.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) ที่ AA(tha) แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ สำหรับหุ้นกู้มีประกันจำนวน 1.5 พันล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2565 ซึ่งออกโดย บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ RLT ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีประกัน สะท้อนถึงการค้ำประกันหุ้นกู้ดังกล่าวในลักษณะเต็มจำนวน ไม่มีเงื่อนไขและเพิกถอนไม่ได้โดย Country Garden Holdings Company Limited (CGH, BBB-/Stable) ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ RLT โดยหนี้จากการค้ำประกันมีสถานะทางกฏหมายเท่าเทียมกับหนี้ที่ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิอื่นๆ ของ CGH
การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีประกันของ RLT สะท้อนถึงสถานะทางเครดิตของผู้ค้ำประกันได้แก่ CGH (BBB-/Stable) ผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยชั้นนำในประเทศจีน โดยเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีที่ดินกระจายอยู่ในหลายภูมิภาคมากที่สุดในประเทศจีนเมื่อเปรียบเทียบคู่แข่ง ซึ่งส่งผลให้ CGH สามารถรักษาระดับรายได้ได้ค่อนข้างสม่ำเสมอตลอดวัฏจักรของธุรกิจ CGH มีขนาดของธุรกิจที่ใหญ่กว่าและมีการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่มากกว่าบริษัทในประเทศไทยที่มีอันดับเครดิตอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน เช่น บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ ThaiBev (BBB-/AA(tha)/Negative) ซึ่งเป็นผู้นำทางการตลาดในตลาดสุราและเบียร์ แม้ว่า ThaiBev จะมีขนาดธุรกิจที่เล็กกว่า แต่ก็ได้รับการชดเชยด้วยสถานะความเป็นผู้นำทางการตลาดที่แข็งแกร่งในตลาดสุราในประเทศไทย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบของ ThaiBev สะท้อนถึงความเสี่ยงที่บริษัทฯ ต้องเผชิญในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าในการที่จะลดอัตราส่วนหนี้สินลง
CGH มีสถานะทางเครดิตที่แข็งแกร่งกว่า บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC (BBB/AA(tha)/Negative, Standalone Credit Profile: aa-(tha)) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทย DTAC ต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการกอบกู้ส่วนแบ่งตลาดกลับคืน และรักษาระดับรายได้ให้สม่ำเสมอในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงและการมีเครือข่ายที่มีความครอบคลุมน้อยกว่าคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงได้รับการบรรเทาโดยอัตราส่วนหนี้สินที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งส่งผลให้ DTAC มีอันดับเครดิตเมื่อพิจารณาเครดิตของ DTAC โดยลำพัง (Standalone Credit Profile) ที่ aa-(tha) อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบของ DTAC สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าอัตราส่วนหนี้สินของ DTAC อาจจะเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบันในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากการชำระเงินค่าตอบแทนเพื่อระงับข้อพิพาทเมื่อสิ้นปี 2562 อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ DTAC ที่ AA(tha) ได้รวมการเพิ่มอันดับเครดิตขึ้นหนึ่งอันดับจาก Standalone Credit Profile ของ DTAC เพื่อสะท้อนถึงความเกี่ยวโยงในระดับปานกลางกับ Telenor ASA แห่งประเทศนอร์เวย์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ DTAC
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวก:
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลระยะยาว (Long-Term Issuer Default Rating) ของ CGH
ปัจจัยลบ:
การปรับลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวของ CGH โดยการปรับลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวของ CGH ลงหนึ่งอันดับอาจมีผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตของหุ้นกู้มีประกันของ RLT มากกว่าหนึ่งอันดับ
ส่วนปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตสากลระยะยาวในอนาคตของ CGH ตามที่เคยแสดงใน Rating Action Commentary ลงวันที่ 27 กันยายน 2562 ได้แก่
ปัจจัยบวก:
อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ (EBITDA Margin) ที่สูงกว่าร้อยละ 20 อย่างต่อเนื่องอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อสินค้าคงเหลือที่ปรับปรุงแล้ว ที่ต่ำกว่าร้อยละ 30 อย่างต่อเนื่องกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (CFO) หลังจากหักเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าและบริษัทร่วม ที่เป็นบวกอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยลบ:
อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อสินค้าคงเหลือที่ปรับปรุงแล้ว ที่สูงกว่าร้อยละ 35 อย่างต่อเนื่องกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (CFO) หลังจากหักเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าและบริษัทร่วม ที่เป็นลบอย่างต่อเนื่อง