กรุงเทพฯ--13 ก.ค.--Carsome
แพลตฟอร์มซื้อ-ขายรถยนต์มือสองออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Carsome ได้ประสบความสำเร็จในการทำการฟื้นตัวแบบ V-shaped นับตั้งแต่เริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจท่ามกลางการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ Covid-19 ในประเทศมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ไทย และสิงคโปร์
ในเดือนมิถุนายน Carsome ได้กู้คืนปริมาณการซื้อ-ขายที่สูงในช่วงก่อนล็อกดาวน์ได้อย่างเกือบสมบูรณ์ นำไปสู่การก้าวกระโดดขึ้นถึงสามเท่าในช่วงเดือนพฤษภาคม 2020 และกว่าร้อยละ 70 ที่เพิ่มขึ้นปีต่อปี แม้ว่าศูนย์ตรวจสภาพรถยนต์ส่วนใหญ่จะดำเนินการในสมรรถภาพที่จำกัดระหว่างช่วงที่ล็อกดาวน์
ผู้ร่วมก่อตั้ง และกลุ่ม CEO ของ Carsome Eric Cheng เชื่อว่าการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเพื่อความยืดหยุ่นของภาคธุรกิจ เช่นเดียวกับการตัดสินใจที่จะฝึกอบรมพนักงานของ Carsome อย่างอุตสาหะและจริงจัง ท่ามกลางการปลดแรงงานในอุตสาหกรรม เป็นสิ่งที่มีส่วนช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอย่างมีนัยสำคัญและเป็นขวัญกำลังใจของทีมเป็นอย่างมาก
Cheng กล่าวว่า “เราลงทุนอย่างต่อเนื่องในการเสริมสร้างสมรรถนะหลัก (Core Competencies) สำหรับทีมของเราในระหว่างช่วงล็อกดาวน์ พวกเรามีความยินดีที่จะเห็นการฟื้นตัวแบบ V-shape อย่างเข้มแข็งในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเร่งนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัล (Digitalization) มาใช้ และส่วนแบ่งทางการตลาดที่เหนือกว่าคู่แข่งของเรา ทั้งนี้ โมเดลธุรกิจของเราได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความยืดหยุ่น และเราพร้อมที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องไปอีก ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้”
การเริ่มใช้ภาษีศุลกากรใหม่ในประเทศมาเลเซีย, อินโดนีเซีย และ ไทย มีส่วนทำให้อุปสงค์หรือความต้องการในการอุปโภครถยนต์ใหม่และรถยนต์มือสองมีมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคยังคงหลีกเลี่ยงการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ และ บริการรถร่วมเดินทาง (Ride-Sharing Services) ในมุมมองของสถานการณ์การแพร่ระบาด พวกเขาจึงหันมาเป็นเจ้าของรถยนต์ส่วนตัวเนื่องจากปัจจัยด้านสุขอนามัย นำไปสู่การตรวจสภาพรถยนต์ที่สูงขึ้นทั่วทุกศูนย์บริการของ Carsome ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนจากยอดการจำหน่ายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในอีกด้านหนึ่ง Carsome ยังเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากดีลเลอร์รถยนต์มือสองในการเติมสต็อกสินค้าคงคลังของพวกเขาเพื่อรองรับความต้องการที่ถูกอั้นไว้ (Pent-Up Demand)
Cheng เสริมต่อไปว่า ในระหว่างช่วงล็อกดาวน์ Carsome ได้เร่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้บริษัทสามารถเป็นเจ้าแรกที่ออกผลิตภัณฑ์ใหม่หลังช่วงล็อกดาวน์ Cheng กล่าวว่า “พวกเราได้เดินหน้าในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นั่นก็คือแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือที่ชื่อว่า CarPartner และ CarsomeGO เพื่อทำให้ขั้นตอนการทำงานและการตัดสินใจเป็นไปโดยอัตโนมัติมากขึ้น”
CarPartner เป็นแอปพลิเคชันบนมือถือที่ช่วยให้พาร์ทเนอร์ของ Carsome ทำการนัดหมายเพื่อตรวจสภาพรถยนต์ เช็คสถานะการนัดหมาย และรับราคาประเมินรถยนต์ได้ในทันที ส่วน CarsomeGO เป็นแอปพลิเคชันที่แยกออกมาในอินโดนีเซียที่ช่วยให้ดีลเลอร์รถยนต์มือสองในท้องถิ่นสามารถร่วมประมูลเสนอราคารถยนต์ได้ตลอด ตามความสะดวกของพวกเขา
นอกจากนี้ จากการสำรวจผู้บริโภคของ Carsome ที่จัดทำขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคในเดือนเมษายน ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อบริการขายรถยนต์เช่น Carsome ในมาเลเซียและอินโดนีเซียยังคงมีอย่างมาก จากผลสำรวจ หนึ่งในสี่ของชาวมาเลเซียและชาวอินโดนีเซียได้แสดงความตั้งใจที่จะใช้บริการขายรถยนต์ออนไลน์ต่อไป
ผลสำรวจยังพบว่า ร้อยละ 34 ของชาวมาเลเซีย ร้อยละ 43 ของชาวอินโดนีเซีย และ ร้อยละ 25 ของชาวไทยที่ทำการสำรวจ วางแผนที่จะขายรถยนต์ของพวกเขาภายใน 12 เดือนข้างหน้า โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าต้องการที่จะกำจัดรถยนต์เก่าหรือต้องการมีเงินสดมากขึ้น Cheng ยังกล่าวอีกว่า Carsome จะยังคงไว้ซึ่งแนวโน้มที่ดีในการดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีด้วยโครงการใหม่จำนวนหลายโครงการ รวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างมากในการซื้อรถยนต์มือสอง ตลอดจนการยกระดับฝีมือของพนักงานให้ผ่านการรับรอง
เกี่ยวกับ Carsome
Carsome เป็นแพลตฟอร์มซื้อ-ขายรถยนต์มือสองออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีสาขาอยู่ในประเทศมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ไทย และสิงคโปร์ Carsome ภูมิใจในความเป็นบริการที่ครบวงจรสำหรับผู้ที่ต้องการขายรถยนต์ทุกราย โดยเป็นบริการที่ช่วยแก้ไขปัญหาในการขายรถยนต์อย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การตรวจสภาพรถยนต์ตลอดจนถึงการโอนกรรมสิทธิ์ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นและไม่ยุ่งยากให้กับผู้ขาย ปัจจุบันนี้มีรถยนต์มากกว่า 40,000 คันต่อปีที่เข้ามาร่วมธุรกิจกับ Carsome ซึ่งรวมมูลค่ามากกว่า 300 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐของมูลค่าการซื้อ-ขาย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา www.carsome.com