กรุงเทพฯ--15 ก.ค.--ไออาร์ พลัส
“เอ็กโซติค ฟู้ด” หรือ XO เผยสถานการณ์ซอสส่งออกโตแรง หลังทั่วโลกกังวลสถานการณ์ COVID-19 และจากมาตรการ Lockdown หนุนธุรกิจอาหารได้ประโยชน์ เป็นอีก New Normal ลูกค้านิยมทำอาหารเองที่บ้านมากขึ้น เห็นสัญญาณบวกตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา โดยสินค้ากลุ่มซอสเป็นสินค้ากลุ่มหลักของบริษัทฯ อัตรากำไรดีกว่าสินค้ากลุ่มอื่น พร้อมสยายปีกโตไปทั่วโลก
นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) (XO) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรส และ น้ำจิ้มต่างๆ , ผลิตภัณฑ์เครื่องแกงเครื่องประกอบอาหาร, ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน และผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จรูป และอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ เปิดเผยถึง แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรก 2563 ได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่มีการแพร่ระบาดไปทั่วโลก และจากมาตรการล็อกดาวน์ (Lockdown) ส่งผลให้ร้านอาหารในต่างประเทศต้องปิดให้บริการ ทำให้ความต้องการซอสปรุงรสและวัตถุดิบในการประกอบอาหารมีการขยายตัว โดยบริษัทฯ มีฐานลูกค้าหลักอยู่ในต่างประเทศเกือบ 100% จัดจำหน่ายสินค้าผ่านดิสทริบิวเตอร์เพื่อวางขายในห้างสรรพสินค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ที่ยังสามารถจัดจำหน่ายได้
อย่างไรก็ดี สินค้ากลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มเป็นกลุ่มสินค้าหลักของบริษัทฯ หรือมีสัดส่วนราว 80% ของยอดขาย อีกทั้งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นที่ดี ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้อัตรากำลังการผลิตสินค้ากลุ่มซอสของบริษัทฯ คาดจะเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2/2563 จาก ณ ไตรมาส 1/2563 มีอัตรากำลังการผลิตอยู่ในระดับ 49%
“จากสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้สินค้าของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มซอส ที่มีสัญญาณบวกตั้งแต่เดือนมีนาคม และแนวโน้มไตรมาส 2/2563 มีทิศทางเติบโตดีกว่าไตรมาสแรก เนื่องจากในต่างประเทศมีการปรับตัวและระวังตัวมากขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส โดยเราจะเห็นคนเริ่มหันมาทำอาหารมากขึ้น เป็น New Normal ที่ส่งผลดีต่อยอดขายซอสซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงอาหารในต่างประเทศ และเชื่อว่า จะส่งผลบวกต่อบริษัทฯ ในระยะยาว แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดจะดีขึ้นในหลายๆ ประเทศ” นายจิตติพร กล่าว
นอกจากนี้ XO มีความสามารถในการบริหารต้นทุน โดยล็อคราคาวัตถุดิบในระดับต่ำได้อย่างน้อยถึงสิ้นปี 2564 ประกอบกับการเลื่อนหรือยกเลิกการจัดงานแสดงสินค้าในปีนี้ ทำให้ต้นทุนและค่าใช้จ่ายการตลาดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ