กรุงเทพฯ--20 มิ.ย.--อมตะ คอร์ปอเรชัน
“อมตะ”ออกโรงจี้รัฐช่วยแก้วิกฤตภัยแล้ง ปรับมาตรการหนุนลงทุนระยะยาว วางระบบโครงสร้างพื้นฐานทั่วถึง เพิ่มปริมาณน้ำให้พอใช้ในภาคการผลิต ชี้ “อีสเทิร์นซีบอร์ด” หน้าตาประเทศ ติงหากช้ายอดลงทุนสะดุด เผยเมืองอุตสาหกรรมอมตะ สร้างปริมาณน้ำสมดุลใช้ได้อีกกว่า 1 ปี ยันนักลงทุนมั่นใจได้
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และ ประธาน บริษัท อมตะซิตี้ จำกัด (Viboon Kromadit, Senior Vice President of Amata Corporation PCL.and President of Amata City Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า จากภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ซึ่งเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อภาคการผลิตในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะพื้นที่การลงทุนแถบชายฝั่งภาคตะวันออก (อีสเทิร์นซีบอร์ด) หากรัฐบาลไม่สามารถหามาตรการช่วยเหลือได้ทันท่วงที ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ที่จะเข้ามาขยายการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น
“การวางแผนบริหารทรัพยากรน้ำในปัจจุบัน ยังไม่มีการเตรียมการรับมือกับสภาวะปัญหาภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว โดยส่วนใหญ่รัฐจะเข้าคลี่คลายปัญหาเฉพาะเป็นเรื่อง ๆ ไป และจากการขาดแคลนน้ำใช้ในระบบการผลิตของโรงงานต่าง ๆ ในแถบอีสเทิร์นซีบอร์ด อันเป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนในอนาคต โดยอาจทำให้แผนการกระตุ้นการลงทุนจากบริษัทข้ามชาติ (FDI) ขยายตัวในทิศทางที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ดังนั้นภารกิจสำคัญของภาครัฐต่อไปคงต้องกระตุ้นการลงทุนให้เพิ่มขึ้น โดยเน้นในเรื่องการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจร และสนับสนุนการขยายกำลังการผลิตอุตสาหกรรมได้อย่างเต็มที่” นายวิบูลย์ กล่าว
อย่างไรก็ตามในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี และอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง ขณะนี้ได้เตรียมการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากปัญหาภัยแล้งแล้ว โดยยืนยันได้ว่าภาคประกอบการอุตสาหกรรมทุกประเภทที่อยู่ในพื้นที่นิคมของอมตะทั้ง 2 แห่ง จะไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะการณ์ดังกล่าวอย่างแน่นอน เนื่องจากปริมาณน้ำที่สำรองไว้สามารถสนับสนุนการผลิตได้มากกว่า 1 ปี ทำให้โรงงานในนิคมอมตะไม่มีความจำเป็นต้องลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิตลง 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังคงต้องมีแผนการประหยัดน้ำภายในนิคมให้มากขึ้น
นายวิบูลย์กล่าวเสริมว่า เมืองอุตสาหกรรมอมตะมีการขุดบ่อสำรองน้ำไว้ใช้มากว่า 3-4 ปีแล้ว โดยมีปริมาณน้ำกักเก็บได้กว่า 20 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งสามารถรองรับปริมาณการใช้ที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนโรงงานที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเต็มที่ โดยมีน้ำที่เก็บจากหลายแหล่งด้วยกัน อาทิ จากน้ำฝน การสูบน้ำจากแม่น้ำบางปะกง เขื่อนระบมศรียัติ และแหล่งสำคัญจากระบบการหมุนเวียนน้ำ (recycle) ซึ่งผ่านกระบวนการบำบัดจนสามารถนำกลับมาใช้ได้อีก ทั้งนี้นิคมอมตะทั้งสองแห่งในปัจจุบันมีโรงงานที่เปิดดำเนินการแล้วกว่า 330 โรง มีอัตราการใช้น้ำรวมกันราว 40,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือ 1.2 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อเดือน
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ : มุก โทร.038-213-007, 01-734-3651--จบ--