กรุงเทพฯ--20 ก.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน (18 ก.ค. 63 เวลา 06.00 น.) เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เพชรบูรณ์ ปทุมธานี ชลบุรี และนครศรีธรรมราช รวม 8 อำเภอ 14 ตำบล 27 หมู่บ้าน 1 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ (พัทยา) ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำท่วมขัง พร้อมสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในเบื้องต้นแล้ว
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน (18 ก.ค. 63 เวลา 06.00 น.) มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำไหลหลากรวม 7 จังหวัด 8 อำเภอ 14 ตำบล 27 หมู่บ้าน 1 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ (พัทยา) ประชาชนได้รับผลกระทบ 222 ครัวเรือน ถนน 7 สาย สะพานไม้ชำรุด 1 แห่ง คอสะพาน 8 แห่ง ฝาย 12 แห่ง พื้นที่การเกษตร 10 ไร่ โค 2 ตัว ได้แก่ เชียงใหม่ เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ลำพูน เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอแม่ทา 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน ลำปาง เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอเมืองปาน และอำเภอวังเหนือ 6 ตำบล 19 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 108 ครัวเรือน เพชรบูรณ์ เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอหล่มเก่า 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10 ครัวเรือน ปทุมธานี เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอคลองหลวง 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 100 ครัวเรือน ชลบุรี เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอบางละมุง 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4 ครัวเรือน นครศรีธรรมราช เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอท่าศาลา 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเจ้าหน้าที่พร้อมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย เครื่องสูบน้ำ และยานพาหนะให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยขนย้ายสิ่งของไปไว้ในที่สูงและเร่งระบายน้ำท่วมขัง รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมิน ความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป