กรุงเทพฯ--20 ก.ค.--กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
กพร. ติดอาวุธแก่ผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ หลังจบฝึกอบรมภาษาจีนกลาง 54 คน พร้อมเป็นไกด์นำเที่ยว ฟื้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทย
นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน มอบหมายให้นายประทีป ทรงลำยอง รองอธิบดี เป็นประธานปิดการฝึกอบรมและมอบวุฒิบัตรแก่ผู้สำเร็จการฝึกอบรม ภาษาจีนกลางเพื่อการสื่อสาร จำนวน 54 คน ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร
นายประทีป กล่าวว่า การพัฒนาทักษะกำลังแรงงานด้านการท่องเที่ยวและบริการ เป็นภารกิจสำคัญของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่มุ่งหวังให้บุคลากรมีความรู้ความสามารถ และทัศนคติที่ดีต่อการปฏิบัติงาน สร้างความเข้มแข็งให้แก่อุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะการปฏิบัติงานมัคคุเทศก์ การพัฒนาทักษะด้านภาษาถือเป็นหัวใจสำคัญของผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ เพราะมีการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน รวมถึงมอบบริการที่สร้างความประทับใจ จะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศไทย จากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ปัจจุบันไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาท่องเที่ยว จึงต้องเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและให้ความสำคัญต่อบุคลากรด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น ได้มอบหมายให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร ร่วมกับสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย จัดฝึกอบรมภาษาจีนกลางเพื่อการสื่อสาร ให้แก่ผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ ระหว่างวันที่ 13-17 กรกฎาคม 2563 ภายใต้โครงการพัฒนาทักษะแรงงานด้านการท่องเที่ยวและบริการ
รองอธิบดี กล่าวต่อไปว่า ผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ ควรมีคุณสมบัติพิเศษหลายประการประกอบกัน เช่น มีใจรักในอาชีพ ร่าเริง สุขุม มีความอดทน มีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน ซื่อสัตย์ สามารถปรับตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์ จะช่วยให้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างเหมาะสม ดังนั้น คุณสมบัติเบื้องต้นที่ต้องมี คือ มนุษยสัมพันธ์ดี บุคลิกภาพดี ความรู้ดี มีความรักงานและมีศิลปะในการสื่อสาร โดยเฉพาะทักษะในการใช้ภาษาต่างประเทศ สามารถพูด อ่าน และเขียน เป็นอย่างดี สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความสามารถในการพูดบรรยายให้นักท่องเที่ยวเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างประทับใจ
“การฝึกอบรมด้านภาษาที่กพร.ดำเนินการนั้น ยังมีการฝึกในแต่ละพื้นที่ในสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคทั้ง 76 จังหวัด ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าฝึกอบรมได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4 หรือกองสื่อสารองค์กร 0 2245 4035” รองอธิบดีกพร.กล่าวทิ้งท้าย