![โควิด-19 กระตุ้นบริษัทในเอเชียเล็งเห็นความสำคัญของการปฏิรูปสู่ระบบดิจิทัล]()
กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--
เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์
การปฏิรูปสู่ระบบดิจิทัล คือสิ่งจำเป็น ไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไปธุรกิจใน
เอเชียเชื่อว่าการรู้จักผู้จัดหาให้กับซัพพลายเออร์ของพวกเขาถือเป็นข้อดี
ผลการสำรวจล่าสุดของธนาคาร
เอชเอสบีซีในหัวข้อ HSBC Navigator: Building Back Better ซึ่งสอบถามความเห็นขององค์กรธุรกิจกว่า 1,400 แห่งใน
เอเชีย เปิดเผยว่า
โควิด-19 ทำให้บริษัทต่าง ๆ ทั่ว
เอเชียต้องปรับตัวเพื่อความยืดหยุ่นทางธุรกิจอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการปฏิรูปสู่ระบบดิจิทัล (Digitisation)
การแพร่ระบาดของไวรัส
โควิด-19 ทั่วโลกผลักดันให้ธุรกิจต้องทบทวนวิธีการเพิ่มความโปร่งใส (Transparency) และความสามารถด้านการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ให้กับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของพวกเขา วิกฤตการณ์
โควิด-19 เผยให้เห็นจุดอ่อนของห่วงโซ่อุปทาน และองค์กรธุรกิจหลายแห่งกำลังปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการสต็อกสินค้าจากเดิมที่ใช้กลยุทธ์การผลิตแบบทันเวลา หรือ Just in Time ไปสู่กลยุทธ์ Just in Case หรือการจัดเก็บและกักตุนสินค้าเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
การระบาดใหญ่ครั้งนี้ทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยที่เลวร้ายที่สุดที่นับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ หรือ Great Depression ในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ผ่านมา ทีมงานของ Navigator ได้พูดคุยกับองค์กรธุรกิจกว่า 1,400 รายจาก 7 ประเทศเศรษฐกิจหลักใน
เอเชีย การสำรวจพบว่า บริษัทใน
เอเชียรู้สึกเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทใน
เอเชียระบุว่าพวกเขามีการเตรียมความพร้อมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีความพร้อมมากกว่าบริษัทในภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก ซึ่งการเตรียมความพร้อมที่ดีกว่านี้จะช่วยให้บริษัทใน
เอเชียสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงเมื่อวิกฤติด้านสาธารณสุขครั้งนี้คลี่คลายลง
ความรู้สึกเตรียมพร้อม
มีการเตรียมความพร้อมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เอเชีย 55% ภูมิภาคอื่นๆทั่วโลก 38%
นายสจ๊วต เทต ผู้อำนวยการบริหาร ธุรกิจพาณิชย์ธนกิจ ประจำภูมิภาค
เอเชีย แปซิฟิก ธนาคาร
เอชเอสบีซี กล่าวว่า “ปัจจุบัน องค์กรธุรกิจใน
เอเชียต่างตระหนักถึงประโยชน์ของการปฏิรูปสู่ระบบดิจิทัล ซึ่งไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป ในอดีตที่ผ่านมา บางบริษัทยังลังเลที่จะนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ จนกระทั่ง
โควิด-19 ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความจำเป็นในการยอมรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการปฏิรูปกระบวนต่าง ๆ สู่ระบบดิจิทัลสามารถสร้างความยืดหยุ่นและช่วยป้องกันแรงกระทบจากปัจจัยภายนอกได้”
ก้าวสู่ดิจิทัล
เมื่อพูดถึงรูปแบบการทำงานในอนาคต องค์กรธุรกิจใน
เอเชียมีความเชื่อมั่นมากกว่าองค์กรธุรกิจในภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลกว่าการปฏิรูปกระบวนการทำธุรกรรมทางการค้าและการชำระเงินสู่ระบบดิจิทัลจะกลายเป็นมาตรฐานทั่วไปของการดำเนินธุรกิจในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งในส่วนนี้ ธนาคาร
เอชเอสบีซีเองก็ได้เป็นผู้นำในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น บล็อกเชน (Blockchain) และ เอพีไอ (API) ในการปฏิรูปกระบวนการทำธุรกรรมทางการค้าและการชำระเงินสู่ระบบดิจิทัล
ลำดับความสำคัญการพัฒนาในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
การปฏิรูปกระบวนการทำธุรกรรมทางการค้าสู่ระบบดิจิทัล
เอเชีย 40% ภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก 22% การปฏิรูปกระบวนการชำระเงินสู่ระบบดิจิทัล
เอเชีย 38% ภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก 25%
การทบทวนเรื่องห่วงโซ่อุปทาน
นอกเหนือจากการเน้นย้ำถึงประโยชน์ของการปฏิรูปสู่ระบบดิจิทัลแล้ว
โควิด-19 ยังแสดงให้เห็นถึงช่องโหว่ของห่วงโซ่อุปทานขององค์กรธุรกิจอีกด้วย จากผลสำรวจพบว่า 54% ขององค์กรธุรกิจใน
เอเชียกล่าวว่าพวกเขาจะเพิ่มความโปร่งใสและความสามารถด้านการตรวจสอบย้อนกลับให้กับห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา ในขณะที่กว่า 1 ใน 3 ขององค์กรธุรกิจใน
เอเชียกล่าวว่าพวกเขาจะดำเนินการตรวจสอบคู่ค้าในห่วงโซ่อุปทานเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะสามารถเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทาน
เพิ่มความโปร่งใสและความสามารถด้านการตรวจสอบย้อนกลับ
เอเชีย 54% ภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก 22%ดำเนินการตรวจสอบคู่ค้าในห่วงโซ่อุปทาน
เอเชีย 37% ภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก 25%
นายเทต ให้ความคิดเห็นว่า “ในขณะที่ธนาคารต่าง ๆ อาจบอกคุณว่าการรู้จักลูกค้าและลูกค้าของลูกค้าของคุณเป็นสิ่งที่สำคัญ การสำรวจล่าสุดของเราบอกเราว่า บริษัทต่าง ๆ เริ่มเข้าใจถึงความสำคัญของการรู้จักซัพพลายเออร์ รวมถึงผู้จัดหาให้กับซัพพลายเออร์ของพวกเขา”
ความยืดหยุ่น และอุปสรรคต่อความยืดหยุ่น
เมื่อให้อธิบายถึงองค์กรธุรกิจที่มีความยืดหยุ่น บริษัทใน
เอเชียกล่าวว่าคุณลักษณะ 3 อันดับแรกที่องค์กรธุรกิจต้องมี ได้แก่ ความคล่องตัว (agile) การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (customer-centric) และการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ส่วนในแง่ของอุปสรรคสำคัญต่อความยืดหยุ่น บริษัทใน
เอเชียได้กล่าวถึงปัจจัยทางการเงิน เช่น การมีกระแสเงินสดที่เพียงพอ และการจัดการต้นทุนของเงินทุนหมุนเวียน
นายเทต กล่าวสรุปว่า “
โควิด-19 ถือเป็นวิกฤตการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัวในรอบศตวรรษสำหรับหลายบริษัททั่ว
เอเชีย ความยืดหยุ่นเป็นเรื่องเกี่ยวกับความอยู่รอด หากบริษัทต้องการที่จะอยู่รอดและเจริญเติบโต บริษัทจะต้องทำการเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการปรับรูปแบบการทำงานให้มีความเป็นดิจิทัลมากขึ้น หรือการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทาน”
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
วรนันท์ สุทธปรีดา โทร. 02 614-4609 อีเมลล์ varanandhasutthapreeda@hsbc.co.th
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ:
รายงานวิจัย หัวข้อ Navigator: Building Back Better ของธนาคาร
เอชเอสบีซี เป็นรายงานที่ธนาคารฯ มอบหมายให้ Kantar เป็นผู้ดำเนินการวิจัย โดยสำรวจความคิดเห็นองค์กรธุรกิจกว่า 2,604 แห่ง ใน 14 ตลาดหลักทั่วโลก ประกอบด้วย ออสเตรเลีย แคนาดา จีนแผ่นดินใหญ่ ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เม็กซิโก สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกาใช่ช่วงวันที่ 28 เมษายน ถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2563
ธุรกิจพาณิชย์ธนกิจ ธนาคาร
เอชเอสบีซี
กว่า 150 ปีแล้วที่
เอชเอสบีซีได้ดำเนินธุรกิจในประเทศที่มีศักยภาพและโอกาสเติบโต และเชื่อมโยงให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจ ปัจจุบัน ธุรกิจพาณิชย์ธนกิจของธนาคาร
เอชเอสบีซี ให้บริการลูกค้าราว 1.4 ล้านคนใน 53 ตลาด ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กที่มุ่งเติบโตในประเทศเป็นหลักไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินกิจการข้ามประเทศ
เอชเอสบีซีพร้อมมอบเครื่องมือทางการเงินและความชำนาญไม่ว่าจะเป็นเงินทุนหมุนเวียน เงินกู้แบบมีกำหนดระยะเวลา สินเชื่อเพื่อการค้า หรือบริการจัดการด้านการเงินและบริหารสภาพคล่อง ซึ่งจำเป็นสำหรับการเติบโตของธุรกิจ ทั้งนี้ จุดแข็งสำคัญที่สุดของกลุ่ม
เอชเอสบีซี นั่นคือ เราพร้อมช่วยเหลือลูกค้าให้เข้าถึงโอกาสทางธุรกิจผ่านเครือข่ายสาขาทั่วโลกที่ครอบคลุมเกือบร้อยละ 90 ของกระแสการค้าและเงินทุนของโลก ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
http://www.hsbc.com/about-hsbc/structure-and-network/commercial-banking
เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ เป็นบริษัทแม่ของกลุ่ม
เอชเอสบีซี มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กลุ่ม
เอชเอสบีซีให้บริการลูกค้าทั่วโลกด้วยเครือข่ายสาขาใน 64 ประเทศและเขตปกครองทั้งในยุโรป
เอเชีย อเมริกาเหนือ และละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ
เอชเอสบีซี เป็นสถาบันผู้ให้บริการด้านการเงินและการธนาคารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีสินทรัพย์รวม 2,918 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563