กรุงเทพฯ--23 ก.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน (23 ก.ค. 63) เกิดวาตภัยในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ ลำพูน พิษณุโลก อุดรธานี หนองบัวลำภู นครราชสีมา ขอนแก่น ชลบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี และกระบี่ รวม 12 อำเภอ 16 ตำบล 27 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 135 หลัง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน (23 ก.ค. 63) ส่งผลให้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย 10 จังหวัด ได้แก่ ลำพูน พิษณุโลก อุดรธานี หนองบัวลำภู นครราชสีมา ขอนแก่น ชลบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี และกระบี่ รวม 12 อำเภอ 16 ตำบล 27 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 135 หลัง โรงเรียน 1 แห่ง เรือประมงขนาดเล็ก 4 ลำ รถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน ผู้เสียชีวิต 1 ราย (จังหวัดนครราชสีมา) โดยจังหวัดลำพูน เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอแม่ทา 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7 หลัง พิษณุโลก เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอวังทอง 1 ตำบล 6 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7 หลัง อุดรธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเพ็ญ อำเภอบ้านผือ และอำเภอบ้านดุง รวม 6 ตำบล 7 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 58 หลัง หนองบัวลำภู เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเมืองหนองบัวลำภู รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 2 หลัง นครราชสีมา เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอครบุรี รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 4 หลัง ผู้เสียชีวิต 1 ราย ขอนแก่น เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอพล รวม 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 2 หลัง ชลบุรี เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเมืองชลบุรี 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ชัยนาท เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอสรรพยา รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 2 หลัง สิงห์บุรี เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอท่าช้าง รวม 2 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 50 หลัง กระบี่ เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเมืองกระบี่ 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2 ครัวเรือน ปัจจุบันสถานการณ์ภัยคลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือน เป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม การจ่ายเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป