กรุงเทพฯ--24 ก.ค.--ทีโอที
CAT – TOT ผนึกกำลังนำร่องให้บริการอินเทอร์เน็ตในชลบุรีและราชบุรี มั่นใจเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพสูงสุดให้ลูกค้าองค์กรด้วยเส้นทางและระบบสำรองควบคู่พร้อมเชื่อมต่อออกต่างประเทศ 'การันตี ไม่มีล่ม’ 100% ส่วนลูกค้าทั่วไปจะได้รับบริการที่มีคุณภาพ สะดวก รวดเร็วและครอบคลุมยิ่งขึ้น
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยเกี่ยวกับความคืบหน้าในการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ว่าขณะนี้ทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมกันดำเนินกิจกรรมในขั้นตอนต่าง ๆ ชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ โดยให้ความสำคัญกับการให้บริการแก่ลูกค้าและประชาชนที่จะไม่ให้เกิดผลกระทบ และในขณะเดียวกันก็พิจารณาแนวทางการใช้ศักยภาพของทั้งสองหน่วยงานที่มีอยู่เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการเพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมกันจัดทำโครงการนำร่องให้บริการอินเทอร์เน็ตร่วมกันใน 2 รูปแบบ 2 พื้นที่ ได้แก่ บริการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงสำหรับลูกค้าองค์กรจังหวัดกรุงเทพฯและปริมณฑล ลูกค้าที่นิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งในจังหวัดชลบุรี และบริการอินเทอร์เน็ตสำหรับลูกค้าทั่วไปในจังหวัดราชบุรี ซึ่งจะให้บริการพร้อมกันตั้งแต่ กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป
สำหรับการให้บริการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง (Data) แก่ลูกค้าองค์กรในจังหวัดชลบุรี โดย
เบื้องต้นจะนำร่องให้บริการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทุกแห่ง ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จ.ระยอง และในกรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้น ทั้งสองหน่วยงานตั้งเป้าหมายร่วมกันที่จะเป็นผู้ให้บริการเชื่อมโยงโครงข่ายอินเทอร์เน็ตอันดับ 1 ของประเทศด้วยการรับประกันคุณภาพการให้บริการ 'การันตีไม่มีล่ม’ ซึ่งทั้งสองหน่วยงานจะสร้างความแข็งแรงของเครือข่ายอย่างเต็มที่ด้วยการเพิ่มเส้นทางสำรอง (Dual Homing) และเพิ่มทางออกเกตเวย์ (Duplex Gateway) เพื่อให้รองรับแบนด์วิดท์ในการเชื่อมต่อออกต่างประเทศสูงสุด 100% พร้อมมีแพ็กแกจ ให้เลือกรูปแบบการเชื่อมต่อและระดับความเร็วที่เหมาะสมแก่การใช้งาน
ส่วนการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับผู้ใช้บริการทั่วไปในจังหวัดราชบุรีนั้น CAT และ TOT จะร่วมกันในการให้บริการ ติดตั้งวงจรฯ ดูแลระบบบริหารจัดการ รวมทั้งการแก้ไขเหตุขัดข้อง ซึ่งจะสามารถให้บริการประชาชน ได้ครอบคลุมพื้นที่และรวดเร็วยิ่งขึ้น จากทรัพยากรเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นของทั้งสององค์กร ซึ่งขณะนี้ได้ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ในแคมเปญแพ็กแกจ “เน็ตอยู่บ้าน” และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยความเร็วที่ 100/50 Mbps ฟรีค่าใช้บริการ 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่เริ่มเปิดให้บริการ โดยขณะนี้ได้ติดตั้งให้บริการแล้วกว่า 25,000 วงจร
นายพุทธิพงษ์ กล่าวถึงการผลดีของการดำเนินงานร่วมกันของทั้งสององค์กรในโครงการนี้ว่าเป็นไปตามเจตนารมณ์ของการควบรวมกิจการของ TOT และ CAT “นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันให้บริการที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นแก่ลูกค้าทั้งกลุ่มประชาชนทั่วไปและองค์กร โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่นำมาร่วมกันให้บริการ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายสำคัญในการควบรวมทั้งสององค์กรคือการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชนและลดการลงทุนซ้ำซ้อน โดยจากการดำเนินงานในครั้งนี้แสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมถึงความคืบหน้าที่ก่อให้เกิดประโยชน์ในภาพรวมกับประชาชนและประเทศ”
ด้านพันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT เปิดเผยถึงการควบรวมกิจการระหว่างสองหน่วยงานว่ามีความชัดเจนมากขึ้นจากการทำงานร่วมกันในด้านต่าง ๆ หลังจากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการควบรวมกิจการ CAT และ TOT เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563
“การนำร่องให้บริการร่วมกันนอกจากจะเป็นเพิ่มมูลค่าบริการให้กับลูกค้าแล้ว ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของการร่วมมือกันของสองหน่วยงาน และความจริงใจที่จะพัฒนาบริการเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง ทั้งนี้ด้วยจุดแข็งของ CAT ในเรื่องโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำและภาคพื้นดินจะสนับสนุนการให้บริการด้านโทรคมนาคมและดิจิทัลร่วมกันของทั้งสองหน่วยงานมีเสถียรภาพมากขึ้น”
นายมรกต เธียรมนตรี รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT กล่าวถึงผลดีของการควบรวมว่าจะทำให้เกิดการเดินหน้าของการพัฒนาด้านเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดดที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ทัดเทียมประเทศที่พัฒนาแล้ว
“การเปิดโครงการนำร่องการให้บริการร่วมกันในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการพัฒนาบริการและระบบสื่อสัญญาณที่มีความครอบคลุม รวมทั้งมีทีมงานดูแลลูกค้า ติดตั้งและซ่อมบำรุงที่มีคุณภาพ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเชื่อว่าเมื่อควบรวมทั้งสององค์กรแล้ว NT จะเป็นกลไกของรัฐที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศและประชาชนสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างเข็มแข็ง”
ซึ่ง ทีโอที พร้อมที่จะนำทรัพยากรไม่ว่าจะเป็นระบบสื่อสัญญาณโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมและดิจิทัล รวมทั้งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการที่มีความชำนาญในการให้บริการ ซึ่งมีอยู่ครอบคลุมทั่วประเทศ สามารถตอบสนองความต้องการใช้บริการสื่อสารโทรคมนาคมในทุกๆ ด้าน เพื่อให้คนไทยสามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ หรือ New Normal ได้อย่างมีประสิทธิภาพ