กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--สำนักงานประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร
นายสมชาย เดชากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง กทม. กล่าวกรณีมีข้อกังวลถึงผลกระทบของโครงการสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย และมาตรการรองรับการขยายตัวของสถานที่ราชการให้สอดคล้องกับความเป็นอยู่ของชุมชนว่า โครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ ตั้งอยู่ในแขวงบางลำพูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ซึ่งตามกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2556 กำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก (สีน้ำตาล) บริเวณที่ ย.8-19 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก รองรับการอยู่อาศัยในบริเวณพื้นที่เขตเมืองชั้นในที่มีการส่งเสริมและดำรงรักษาทัศนียภาพและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ซึ่งผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ได้คำนึงถึงความหนาแน่นของประชากรและกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ จึงกำหนดให้บริเวณดังกล่าวมีอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน หรือ FAR ไม่เกิน 6:1 เพื่อป้องกันสภาพความแออัดและคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพของการให้บริการด้านสาธารณูปโภค สาธารณูปการที่เพียงพอและมีมาตรฐาน นอกจากนี้ยังกำหนดให้มีอัตราส่วนพื้นที่ว่างต่อพื้นที่อาคารรวม ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 เพื่อควบคุมความโปร่งโล่งของพื้นที่ ทัศนียภาพและสภาพแวดล้อมของเมือง สร้างสุขภาวะที่ดีให้กับประชาชนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ จะมีการพิจารณาในหลายมิติ ทั้งในด้านผังเมือง ซึ่งมุ่งเน้นการกำหนดแผนผังและมาตรการที่ดูแลประชาชนในเรื่องสุขอนามัย ความปลอดภัย และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ด้านสิ่งแวดล้อม มีการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งเป็นการดูแลประชาชนในเรื่องของขนาดอาคาร กิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมและในด้านการควบคุมอาคาร ดูแลความปลอดภัยในการใช้ประโยชน์อาคาร การก่อสร้างโครงการดังกล่าว จึงจำเป็นต้องบูรณาการในหลายมิติทั้งด้านการจราจร สิ่งแวดล้อม ผังเมือง และการควบคุมอาคาร ต่อไป
นายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กทม. กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย บริเวณถนนเจริญนคร เขตคลองสาน อยู่ระหว่างการออกแบบอาคาร โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งโครงการฯ เข้าข่ายจะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และจะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญก่อน โดยจะมีการพิจารณาผลกระทบในด้านต่าง ๆ ต่อไป