กรุงเทพฯ--14 มิ.ย.--สถาบันพัฒนา SMEs
สถาบันพัฒนา SMEs เร่งสร้างผู้ประกอบการคุณภาพ ตามยุทธศาสาตร์โครงการแฮนด์ โฮลดิ้ง ไฮด์ ไดนามิก-เอสเอ็มอี ให้เข้มแข็งทั้งด้านการวางแผน การตลาด การบริหารจัดการ การผลิต ฯลฯ ร่วมมือทำธุรกิจกับผู้ประกอบการตามแนวคิด “ทำธุรกิจเหมือนมิตร ใกล้ชิดเหมือนญาติ” พร้อมส่งทีมที่ปรึกษาลุยทำงาน และแก้ไขปัญหาร่วมกับผู้ประกอบการเพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าปีแรกไม่ต่ำกว่า 15-20 ราย
นายสุเมธารัตน์ สีตบุตร รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายปรึกษาแนะนำ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) เปิดเผยถึงการดำเนินยุทธศาสตร์โครงการแฮนด์ โฮลดิ้ง ไฮด์ ไดนามิก- เอสเอ็มอี (Hand Holding High Dynamic-SMEs : HHHD-SMEs) ว่า ที่ผ่านมาบริการต่างๆ ของสถาบันจะในอยู่ลักษณะของการให้คำปรึกษาแนะนำ แต่การรับเอาคำแนะนำไปใช้ในภาคปฏิบัตินั้นขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการเป็นสำคัญ ซึ่งผู้ประกอบการหลายๆ รายก็ประสบปัญหาเวลาปฏิบัติตามแผน ปัญหานี้ได้กลายเป็นที่มาของการสร้างยุทธศาสตร์แฮนด์ โฮลดิ้ง ไฮด์ ไดนามิก-เอสเอ็มอี โดยสถาบันจะส่งทีมที่ปรึกษาไปดูแลและให้คำแนะนำกับ ผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิดตามแผนธุรกิจที่ได้นำเสนอไว้ เป็นการคิดและเดินไปด้วยกันตลอดระยะเวลาการร่วมโครงการประมาณ 3 - 5 ปี เปรียบเสมือนเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจดังแนวคิดที่ว่า “ทำธุรกิจเหมือนมิตร ใกล้ชิดเหมือนญาติ” โดยการให้คำปรึกษาแนะนำจะครอบคลุมทุกกระบวนการของการดำเนินธุรกิจอย่างมีแบบแผนและได้มาตรฐานอย่างมืออาชีพ
“นี่เป็นโครงการใหม่ของสถาบันที่พัฒนาขึ้นมา โดยผันจุดอ่อนจากการให้บริการเฉพาะด้าน มาเป็นการ ร่วมลงมือทำธุรกิจพร้อมกับผู้ประกอบการอย่างจริงจังที่ไม่ใช่ในรูปของการลงเงิน ถือเป็นการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs แบบบูรณาการ โดยเราจะเข้าไปดูแลในทุกเรื่องของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นแผนธุรกิจ การผลิต การจำหน่าย บัญชี การบริหารจัดการ การตลาด ดังนั้น โครงการนี้จึงต้องอาศัยความเข้าใจที่ตรงกัน ความร่วมมือแบบหุ้นส่วน และต้องใช้ระยะเวลาที่เหมาะสม ผู้ประกอบการจะต้องตั้งใจจริง มีความพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจอย่างเต็มที่ เนื่องจากรูปแบบของโครงการหวังผลในเชิงธุรกิจเป็นสำคัญ ดังนั้น ศักยภาพของสินค้าและโอกาสทางการตลาด จึงเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจว่าจะเข้าไปเป็น ‘หุ้นส่วน‘ หรือไม่” นายสุเมธารัตน์ กล่าว
นายสุเมธารัตน์ กล่าวต่อไปว่า จุดประสงค์ที่เราพัฒนาโครงการนี้ขึ้นมาก็เพื่อตอบสนองความต้องการ ของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่มักจะประสบกับปัญหาการทำตลาดและการบริหารจัดการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสินค้าและบริการประเภทนวัตกรรม (Innovation) ซึ่งมีโอกาสทางการตลาดมากกว่าสินค้าทั่วไป เพราะเป็นที่
ต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความแตกต่าง สามารถตอบสนองได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว ถ้าไม่ ส่งเสริมหรือดึงศักยภาพของเขาออกมา ก็จะทำให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้เสียโอกาสที่จะมีธุรกิจใหม่ๆ เป็นของตนเอง
“หลังจากผู้ประกอบการตอบรับเข้าร่วมโครงการ สถาบันจะจัดส่งที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนั้นๆ เข้าไปพูดคุย เพื่อให้ได้ข้อมูลมาประเมินวิเคราะห์ถึงปัญหาโดยเฉพาะปัญหาเร่งด่วน จากนั้นจะกำหนดแนวทาง แก้ไข ส่งมอบแผนงาน พร้อมกับการเซ็นสัญญาเข้าร่วมโครงการ ส่วนค่าใช้จ่ายนั้น เราแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก คือ ระยะการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ธุรกิจ จนถึงการจัดทำแผนธุรกิจ ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายด้านที่ปรึกษาเบื้องต้น และหากผู้ประกอบการเซ็นสัญญาเข้าร่วมโครงการ ค่าใช้จ่ายช่วงที่สองจะแปรเปลี่ยนไปอยู่ในรูปของการแบ่งผลกำไรที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจร่วมกัน โดยสัดส่วนของผลกำไรจะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการให้การตอบรับเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าและบริการประเภทนวัตกรรม อาทิ บริการจัดส่งอาหารสำหรับคนไข้โรคเบาหวาน บริการให้เช่าพักแรมเรือท่องเที่ยวแบบวิถีชาวบ้าน คาดว่าภายในปี 2548 จะมีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 15-20 ราย ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาของการร่วมโครงการทีมที่ปรึกษาจะมีการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแก้ไขปัญหาและปรับเปลี่ยนแผนงานให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลอด ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการอย่างมืออาชีพ จากผู้เชี่ยวชาญที่มากด้วยประสบการณ์ทุกสาขา ที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือให้ธุรกิจดำเนินไป จนประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย” นายสุเมธารัตน์ กล่าว
ผู้ประกอบการที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทรศัพท์ 0-2564-4000 ต่อ 3017 หรือ
e-mail : HHHD@ismed.or.th หรือ www.ismed.or.th--จบ--