กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน
นายเอกรินทร์เหลืองวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETC เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงนามสัญญาการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (ไอพีโอ) ของบริษัท จำนวน 600 ล้านหุ้น พร้อมหุ้นกรีนชู จำนวน 60 ล้านหุ้นกับ บมจ. หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ ในราคาหุ้นละ 2.60 บาท คิดเป็นมูลค่าการระดมทุนประมาณ 1,560 ล้านบาท โดยบริษัทฯมีแผนจะนำเงินจากการเพิ่มทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจของ ETC และบริษัทย่อย รวมถึงการชำระคืนเงินกู้ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของธุรกิจและเตรียมขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดต่างๆ อาทิเช่นโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 400 เมกะวัตต์ และ โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 44 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลปลายปีนี้
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นของBWG เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นสามารถดาวน์โหลด (Download)เอกสารประกอบการจองได้ที่ (1) เว็บไซต์ของBWG (www.betterworldgreen.com) (2) บริษัทฯ (www.etcenvi.com) (3) เว็ปไซต์ของบริษัทหลักทรัพย์ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (www.utrade.co.th) และ(4) ข้อมูลใน QR Code ในหนังสือแจ้งสิทธิของผู้ถือหุ้นของBWGในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ ETCที่จัดส่งโดยศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัดเมื่อวันที่24กรกฎาคม2563
นอกจากนั้น ETC ยังเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อได้ในระหว่างวันที่ 7 -11 สิงหาคม 2563 ผ่านกลุ่มบริษัทผู้จัดจำหน่ายได้แก่ บมจ. หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)บมจ. หลักทรัพย์เคทีบี (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์เอเอสแอลจำกัดบริษัทหลักทรัพย์ไอร่าจำกัด (มหาชน)และบมจ. หลักทรัพย์แลนด์แอนด์เฮ้าส์และมีกำหนดการจะเริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 18 สิงหาคมนี้
สำหรับ ETC เป็นผู้นำด้านโรงฟ้าขยะแบบครบ คือ มีโรงไฟฟ้าพลังงานขยะอุตสาหกรรม 3 แห่งคือ ที่จังหวัดสระบุรี พระนครศรีอยุธยา และพิจิตร รวมกำลังการผลิต 20.4 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 16.5 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ระยะเวลา 20 ปี โดย ETC เป็น บริษัทในกลุ่ม เบตเตอร์เวิร์ล กรีน (BWG) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้รับบริหารกำจัดกากอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งมีโรงงานผลิตขยะอัดแท่ง (RDF) อยู่ภายในกลุ่ม ทำให้ ETC มีความมั่นคงด้านเชื้อเพลิง รวมถึงข้อได้เปรียบด้านต้นทุนเชื้อเพลิง มีทุนจดทะเบียน 1,120,000,000 บาทมีจำนวนหุ้นทั้งหมด 2,240,000,000หุ้นด้วยมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น
บริษัทมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 362.39 ล้านบาท ในปี 2562 เพิ่มขึ้น จากรายได้รวม 325.24 ล้านบาทในปี 2561 และรายได้รวม 184.10 ล้านบาทในปี 2560 และมีกำไรสุทธิ 56.80 ล้านบาท ในปี 2562 จากกำไรสุทธิ 65.35 ล้านบาท ในปี 2561 และขาดทุนสุทธิ 3.14 ล้านบาท ในปี 2560 เนื่องจากในปี 2561 และ 2562 มีการรับรู้รายได้ค่าไฟฟ้าเต็มปีจากโรงไฟฟ้า ETC และล่าสุดในงวดไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 134.90 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 24.18 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิสูง 18% และในปี 2563 นี้ ETC คาดว่าจะรับรู้รายได้การขายไฟฟ้าได้เต็มปี จากโรงไฟฟ้าขยะ RH และ AVA ซึ่งมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าแบบ FiT สูงถึง 6.83 บาท/หน่วย ซึ่งเป็นอัตราการรับซื้อไฟฟ้าที่สูงสุดเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงประเภทอื่น เนื่องจากภาครัฐส่งเสริมการใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิงเพื่อลดปัญหาด้านปริมาณขยะของประเทศ