บลจ.กสิกรไทย ส่ง Term Fund Plus เดินเกมรุกอีกครั้ง หวังบุกสร้างผลตอบแทนในตราสารหนี้ต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 6, 2020 15:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 ส.ค.--บลจ. กสิกรไทย บลจ.กสิกรไทย ส่งTerm Fund Plus กองทุน Best Seller ซีรีส์ใหม่กลับมาอีกครั้งภายใต้ชื่อ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 2021B (KFF21B) เชื่อว่ายังตอบโจทย์ผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่มากกว่าเงินฝาก โดยเปิดเสนอขายในระหว่างวันที่ 7-14 ส.ค.นี้ นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า หลังจากที่เปิดเสนอขาย Term Fund Plus เป็นครั้งแรกในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้สร้างปรากฏการณ์ปิดการขายภายใน 6 ชั่วโมงนับตั้งแต่วันแรกนั้น ถือเป็นการตอกย้ำถึงทางเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนในยามนี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจาก สถานการณ์การลงทุนในขณะนี้ยังคงมีความผันผวน ดังนั้น การเข้าลงทุนในกองทุนตราสารหนี้โดยเฉพาะตราสารหนี้ต่างประเทศ จึงมีความน่าสนใจในแง่ของโอกาสการรับผลตอบแทนที่มากกว่าเงินฝาก และมีความเสี่ยงต่ำ โดยล่าสุด บลจ.กสิกรไทย ได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 2021B (KFF21B) ในระหว่างวันที่ 7-14 สิงหาคม 2563 คาดหวังผลตอบแทนที่ 1.2% ต่อปี – 1.4% ต่อปี นายนาวินกล่าวต่อไปว่า กองทุน KFF21B ใช้กลยุทธ์ในการบริหารจัดการร่วมกันระหว่างบลจ.กสิกรไทย และ Invesco Hong Kong โดยมอบหมายให้ Invesco Hong Kong รับหน้าที่บริหารเงินลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลกโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย รวมถึง High Yield Bond บางส่วน ผ่านกองทุนหลัก Invesco Asian Bond Fixed Maturity Fund 2021 – II, Class C(USD)-Acc ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 70% ของพอร์ต ส่วนบลจ.กสิกรไทย จะรับหน้าที่บริหารเงินลงทุนในเงินฝากต่างประเทศ ได้แก่ เงินฝาก Qatar National Bank (ประเทศกาตาร์), เงินฝาก Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน) และเงินฝาก PT Bank Rakyat Indonesia (ประเทศอินโดนีเซีย) ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 30% ของพอร์ต เพื่อกระจายความเสี่ยงอันอาจเกิดจากความผันผวน “หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลังจากที่คลายล็อกดาวน์ ส่งผลให้ผู้ลงทุนแสวงหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น (Search for Yield) โดยตราสารหนี้ในภูมิภาคเอเชียยังคงได้รับแรงหนุนจากความต้องการซื้อหุ้นกู้เอกชนเพิ่มขึ้น ขณะที่อุปทานการออกหุ้นกู้ในเอเชียมีแนวโน้มลดลง ซึ่งแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไรของบริษัท แต่บริษัทที่ออกหุ้นกู้เอกชนระดับที่ลงทุนได้ หรือ Investment Grade ในเอเชียส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจและรัฐบาลกลาง จึงมีความแข็งแกร่งและมีความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ที่ต่ำ อีกทั้งบริษัทได้ดำเนินการลดหนี้สินในช่วงที่ผ่านมาทำให้มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้น นอกจากนี้ หุ้นกู้เอเชียสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นตลาดที่ได้รับความนิยมจากผู้ลงทุนส่วนใหญ่ ทำให้ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป และพร้อมอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินตลอดเวลาเพื่อรักษาเสถียรภาพ อย่างไรก็ดี ระดับราคาหุ้นกู้เอเชียสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ปรับลดลง ส่งผลให้ผลตอบแทนเมื่อเทียบกับความเสี่ยงดูน่าสนใจยิ่งขึ้น” นายนาวินกล่าว นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุน KFF21B เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถถือครองหน่วยลงทุนได้เป็นระยะเวลา 1 ปี และมองเห็นโอกาสจากการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ โดยสามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย หรือ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ทั้งนี้ เมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น (K-SF) ของบลจ.กสิกรไทย เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางการลงทุนข้างต้น หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ