จุฬาฯ จับมือ กสทช. จัดงานแสดงผลงานการทดลอง/ทดสอบ Use cases “Chula 5G for REAL”

ข่าวเทคโนโลยี Thursday August 6, 2020 17:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 ส.ค.--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) จัดงาน Chula 5G งานแสดงผลงานการทดลอง/ทดสอบ Use cases ต่างๆ เพื่อไปใช้งานจริง บนเครือข่าย 5G ภายใต้แนวคิด “5G for REAL” เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2563 ณ 5G AI/IOT Innovation Center ชั้น M อาคาร จุฬาพัฒน์ 14 โดยได้รับความร่วมมือทั้งจากสถาบันการศึกษาอื่นๆ ในประเทศไทย พร้อมกับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และผู้ผลิตอุปกรณ์ระบบโทรคมนาคมชั้นนำ โครงการดังกล่าว จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับ กสทช. โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนวิจัยและพัฒนา กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) เพื่อจัดตั้งศูนย์ทดลอง/ทดสอบ 5G ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานกล่าวเปิดงาน ได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของจุฬาฯ ที่ให้ความสำคัญในการสร้างคน โดยมีการลงทุนในการพัฒนาคน พัฒนางานวิจัย เพื่อสร้าง Future Leaders และสร้าง Impactful Research and Innovation เพื่อออกไปรับใช้สังคม ดังนั้นเทคโนโลยี 5G จึงมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้สิ่งที่เราวางแผนเอาไว้เกิดขึ้นได้ ตามปณิธานของจุฬาฯ คือ 'Innovations for Society’ “ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่มีการเริ่มต้น 5G ที่นี่ ผมเชื่อว่า 5G จะเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคตได้อย่างรวดเร็ว” ศ.ดร.บัณฑิต กล่าว ด้าน ศ.ดร.บุญไชย สถิตมั่นในธรรม ประธานคณะกรรมการบริหารโครงการฯ เปิดเผยว่า โครงการนี้ ได้รับทุนสนับสนุนจาก กสทช. เป็นระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่ 11 ธันวาคม 2561 เป็นต้นมา และได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคม และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อร่วมกันจัดทำ Open Platform สำหรับการทดสอบ ทดลอง วิจัย เทคโนโลยีสำหรับการใช้งานจริงภายใต้ Sandbox เป็นเวลา 5 ปี จนถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2567 ครอบคลุมพื้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทั้งหมด ศ.ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า เทคโนโลยี 5G ถือเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญที่จะหลอมรวมการสื่อสารในโลกดิจิทัลเข้าด้วยกัน รวมทั้งโลกกายภาพและโลกเสมือนด้วย ขอขอบคุณ กสทช. ที่ให้โอกาสจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเฉพาะคณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้ร่วมเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งนี้จะนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน นำคุณภาพชีวิตที่ดีมาสู่สังคมไทยในที่สุด สำหรับผลงาน Use cases ต่างๆ ที่นำมาแสดงในงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยและพัฒนาในปีที่หนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการทดลอง/ทดสอบการใช้งานอุปกรณ์การสื่อสารบนเครือข่าย 5G ทั้งนี้ นักวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และผู้ผลิตอุปกรณ์ระบบโทรคมนาคมชั้นนำได้ร่วมกันจัดทำแพลตฟอร์มเปิด สำหรับทดสอบ/ทดลอง วิจัยเทคโนโลยี การใช้งานจริง พร้อมทั้งพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี 5 G นอกจากนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังได้ดำเนินการขอเป็นผู้ประสานพื้นที่กำกับดูแลเป็นการเฉพาะ และ กสทช. ได้อนุญาตโดยกำหนดระยะเวลาอนุญาตตั้งแต่ 11 ธันวาคม 2562 - 10 ธันวาคม 2567 เป็นเวลา 5 ปี ครอบคลุมพื้นที่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อให้ใช้คลื่นความถี่ 5G ย่านต่างๆ เพื่อให้มีการพัฒนาและทดสอบนวัตกรรมเทคโนโลยี 5G ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ รวมถึงการทดสอบการรบกวนกันหรือการร่วมใช้คลื่นความถี่ระหว่างเทคโนโลยี 4G และ 5G เป็นต้น สำหรับผู้เข้าร่วมงานแสดงผลงาน ประกอบด้วย คณาจารย์และนักวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สถาบันวิจัยและนวัตกรรมดิจิทัล มหาวิทยาลัยสงขลา-นครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (ม.อ.) ผู้บริหาร จากผู้ผลิตอุปกรณ์ระบบโทรคมนาคม และผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท หัวเว่ยเทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท โนเกีย ประเทศไทย จำกัด โครงการวิจัยทั้งหมดประกอบด้วย โครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบ 5G ที่สามารถทดสอบอุปกรณ์ไร้สาย และโครงข่ายของผู้ให้บริการ และงานวิจัยอื่นๆ ใน 3 กลุ่ม ได้แก่ ด้าน healthcare จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ - โครงการส่งข้อมูลภาพการตรวจโรคตาทางไกลผ่านระบบสื่อสารแบบไร้สายเพื่อการผ่าตัด - โครงการพัฒนาการสื่อสารและส่งถ่ายข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในโรงพยาบาล ด้าน smart living และ connected society จำนวน 8 โครงการ ได้แก่ - โครงการการพัฒนาและควบคุมหุ่นยนต์บริการผ่านโครงข่าย 5G - โครงการจัดสร้างระบบเครือข่ายเซนเซอร์ตรวจวัดสภาพฝุ่นละอองติดตั้งบน smart pole และรถ pop bus รวมถึงการติดตั้งและทดสอบระบบ CCTV บนรถประจำทาง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้งานของผู้โดยสาร CU Pop Bus - โครงการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีความจริงเสมือนในพื้นที่มหาวิทยาลัยบนเครือข่าย 5G - โครงการพัฒนาต้นแบบยานยนต์อัตโนมัติ และการเคลื่อนย้ายรถระหว่างจุดจอด - โครงการติดตั้งและทดสอบระบบการใช้งานเสาไฟยุคหน้าบนเทคโนโลยี 5G - โครงการสร้างมิเตอร์อัจฉริยะเฟสเดียวโดยใช้เทคโนโลยี NB-IoT, LoRa และ 5G - โครงการติดตั้งระบบควบคุมไฟถนนอัจฉริยะ - โครงการวิเคราะห์และประมวลภาพ VDO แบบเวลาจริงด้วย cloud computing ประเภทอื่นๆ จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ - โครงการ PolluSmartCell การวิจัยที่อาศัยปรากฏการณ์ทางคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในโครงข่ายการสื่อสารเพื่อประเมินการเกิด Temperature Inversion ในชั้นบรรยากาศ - โครงการอบรมให้ความรู้ความชำนาญในการทดลอง/ทดสอบระบบเครือข่าย 5G และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างประเทศ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ