กรุงเทพฯ--7 ส.ค.--ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น
SUPER โชว์รายได้งวด 6 เดือนรวม 3,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78 ล้านบาท เมื่อเทียบกับรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน แสดงศักยภาพรายได้ไม่กระทบจากการขายโครงการเข้ากอง SUPEREIF ขณะที่รับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ประเทศเวียดนาม-โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะ“จอมทรัพย์ โลจายะ" บิ๊กบอส ระบุ เตรียม CODโครงการโรงไฟฟ้าเวียดนามเพิ่มอีก 550 เมกะวัตต์ ปลายปี 2563
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 มีรายได้รวม 3,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.45% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,197.991 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ) รายได้รวมอยู่ที่ 1,592.726 ล้านบาท
ทั้งนี้ภาพรวมผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกมาจากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนมิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่รวมรายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ประเทศเวียดนาม จำนวน 50 เมกะวัตต์ ซึ่งได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ให้กับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) เมื่อเดือนธันวาคม 2562 เนื่องจากอยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องการโอนหุ้น
นอกจากนี้ยังมีรายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะเพิ่มขึ้น และรายได้จากการขายน้ำประปาและน้ำดิบเพิ่มขึ้น จากการที่ SUPER ได้เข้าซื้อธุรกิจของกลุ่มธุรกิจน้ำในปี 2562 สนับสนุนเพิ่ม
"ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 2/2563 รายได้บริษัทฯยังสามารถเติบโต โดยเฉพาะในเวียดนามเริ่มทยอยรับรู้เพิ่มขึ้น รวมทั้งจากโรงไฟฟ้าขยะ ซึ่งที่ผ่านมาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานขยะ จังหวัดพิจิตร กำลังการผลิตเสนอขาย 9.9 เมกะวัตต์ CODไปในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา และจะสามารถรับรู้รายได้อย่างเต็มที่ในไตรมาส 3 ผมอยากให้เชื่อมั่นในการทำธุรกิจ เราจะสามารถฝ่ากระแสเศรษฐกิจชะลอตัวในรอบนี้ไปได้ เพราะบริษัทฯมีรายได้ที่มั่นคงต่อเนื่องตามอายุสัมปทาน ซึ่งส่วนใหญ่สัญญาณสัมปทานในมือเรา ยังมีระยะเวลาตามสัญญาอีกเฉลี่ยอยู่ที่ 20 -21 ปี " นายจอมทรัพย์ กล่าว
นายจอมทรัพย์กล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือปี ของกลุ่มบริษัทฯ คาดว่าน่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีศักยภาพมากยิ่งขึ้นตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากโครงการต่าง ๆ ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนาม จำนวน 3 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 550 เมกะวัตต์ คาดว่าจะทยอย COD ภายในเดือนธันวาคม 2563 จะช่วยผลักดันการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และมั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ของบริษัทฯในปีนี้จะเติบโตประมาณ 15 -20 % มีกำลังการผลิตโรงไฟฟ้ารวมทะลุ 1,200 เมกะวัตต์ได้อย่างแน่นอนภายในสิ้นปีนี้