กรุงเทพฯ--7 ส.ค.--อินฟราเซท
บมจ.อินฟราเซท (INSET) รายงานกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/63 แตะ 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เดินหน้ารับรู้รายได้จากงานในมือที่ตุนไว้กว่า 3.12 พันล้านบาท ด้านบอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสด อัตรา 0.038 บาทต่อหุ้น " ศักดิ์บวร พุกกะณะสุต" กรรมการผู้จัดการ ประเมินครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเข้าสู่โหมดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรองรับเทคโนโลยีระบบ 5G พร้อมเดินหน้าลุยคว้างานใหม่ หนุนผลงานปี63เข้าเป้าโต10 -15%
นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ บมจ.อินฟราเซท (INSET) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส2/2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น10% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 27 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 309 ล้านบาท ลดลง 4% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 322 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 46 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 530 ล้านบาท ลดลง 8% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 578 ล้านบาท
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้อนุมัติให้บริษัทฯจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในงวดผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.038 บาท ซึ่งจะมีการกำหนดปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น (XD)ในวันที่ 20 ส.ค. และกำหนดจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในวันที่ 4 ก.ย.
"ภาพรวมครึ่งแรกของปี 2563 เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ แม้จะต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แต่บริษัทฯยังสามารถรักษาการเติบโตไว้ได้ และคาดว่าครึ่งปีหลังยังคงมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากสถานการณ์คลี่คลายแล้ว กิจกรรมการลงทุนก็น่าจะกลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้นการดำเนินธุรกิจในปี 63เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้"
กรรมการผู้จัดการ กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.2 พันล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังมองโอกาสเข้าประมูลงานใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงาน Data Center และงานประเภทการขยายโครงข่าย 5G ซึ่งคาดว่าจะเห็นการลงทุนมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในเร็ววันนี้
สำหรับในปี 2563 บริษัทฯจะมีสัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคม ประมาณ 45% ,ธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 40% และธุรกิจงานซ่อมบำรุงและบริการ ซึ่งเป็นรายได้ประจำ (Recurring Income) 15%