กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--วว.
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และภาคีเครือข่ายพันธมิตรจากภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ (วพ.) กระทรวงสาธารณสุข และองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) จัดโครงการ “Global Business Matching 2020 : เปิดโลกการค้า เจรจาธุรกิจ พิชิตตลาดส่งออก” โอกาสนี้ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. และประธานกรรมการ EXIM BANK เป็นประธานในพิธีเปิดงาน โดยมี ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. ร่วมเป็นเกียรติงาน ณ โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท ในวันที่ 7 สิงหาคม 2563 งานดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ (Online Business Matching) เพื่อให้ผู้ส่งออก SMEs ไทยในภาคการเกษตรตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เริ่มต้นหรือขยายการส่งออกไปยังตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ซึ่งยังมีกำลังซื้อและความต้องการสินค้าส่งออกจากไทยอีกมาก ท่ามกลางการปรับตัวของผู้บริโภคและภาคธุรกิจจากผลกระทบของโควิด-19
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. และประธานกรรมการ EXIM BANK กล่าวว่า จากเป้าหมายร่วมกันเพื่อยกระดับภาคการเกษตรของไทย ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญมีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ นำไปสู่การเติบโตของเศรษฐกิจและสังคม โดยก่อให้เกิดการจ้างงานเป็นสัดส่วนถึง 30% ของกำลังแรงงานทั้งประเทศ ครอบคลุมกว่า 6.4 ล้านครัวเรือน คิดเป็นพื้นที่กว่า 40% ของประเทศไทย EXIM BANK จึงร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในครั้งนี้ “ต่อยอด” จากกิจกรรมที่ได้ดำเนินการมาแล้วตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมาในการ “บ่มเพาะ” ความรู้เพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ SMEs ภาคการเกษตรของไทยให้สามารถผลิตและส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการเกษตร และ “ยกระดับ” โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในกระบวนการผลิตที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีมูลค่าเพิ่มและได้มาตรฐานสากล ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ช่วยให้สินค้าส่งออกของไทยแข่งขันได้และขยายตลาดในภูมิภาคได้มากขึ้น
ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวเพิ่มเติมว่า วว.มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นอีกหนึ่งฟันเฟือง ที่ได้ประสานความร่วมมือกับ EXIM BANK และ ธ.ก.ส. ร่วมกัน “บ่มเพาะ ยกระดับ และต่อยอด” ตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยบทบาทของ วว. อยู่ในส่วนกลางน้ำ ที่พร้อมนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) แก้ปัญหา ส่งเสริม เพิ่มขีดความสามารถแก่ผู้ประกอบการอย่างครบวงจร (Total Solution) พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs เกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต โดยมีทีมนักวิจัยและโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถรองรับความต้องการของผู้ประกอบการ ช่วยลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจ พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพมาตรฐาน ตอบโจทย์ ภาคธุรกิจให้ก้าวสู่ตลาดในระดับสากล
ส่วน ธ.ก.ส. พัฒนาเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตรและผู้ประกอบการ SMEs ที่มีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรให้สามารถจำหน่ายได้ มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่คุณค่าสินค้าเกษตรโดยความร่วมมือกับพันธมิตรเครือข่าย ขณะที่ EXIM BANK จะสนับสนุนใน 3 ด้าน ได้แก่ ข้อมูลความรู้ บริการทางการเงินทั้งสินเชื่อและประกันความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ และเครือข่ายธุรกิจ
ทางด้านภาคีเครือข่ายพันธมิตรร่วมสนับสนุนการจัดกิจกรรม เพื่อยกระดับผู้ผลิตภาคการเกษตรให้ผันตัวเป็นผู้ส่งออกที่สามารถส่งมอบสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศ โดยเฉพาะใน CLMV และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ได้อย่างประสบความสำเร็จ ด้วยเครือข่ายทางธุรกิจที่เชื่อมโยงครบวงจร ตั้งแต่ผู้ผลิตถึงผู้ส่งออกและผู้ซื้อในต่างประเทศ ทั้งนี้ ในปี 2562 ที่ผ่านมาโครงการนี้ประสบความสำเร็จในการจับคู่ธุรกิจให้ผู้ประกอบการ SMEs ภาคการเกษตรส่งออกไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศเป็นมูลค่าการส่งออกรวมกว่า 500 ล้านบาท นับเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อสร้างผู้ส่งออกรายใหม่ ควบคู่กับการส่งเสริมภาคการเกษตรไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนอย่างสมดุลและยั่งยืน