ทีเอ็มบีและธนชาต สรุปแผนงานรวมธนาคารเป็นหนึ่งเดียว เดินหน้าตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ก่อนเสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคม 2564 พร้อมสร้างนิยามใหม่ของวงการธนาคาร เพื่อตอบโจทย์ให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 10, 2020 12:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--Chomchavivan ทีเอ็มบีและธนชาต เผยภารกิจรวมสองธนาคารเดินตามเป้าหมายอย่างราบรื่นที่ตั้งไว้ ก่อนการรวมกิจการจะเสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคม2564 ด้วยการนำจุดแข็งมาส่งเสริมกันและกันเพื่อสานประโยชน์ทางธุรกิจอย่างรอบด้าน พร้อมร่วมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินต่างๆ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า ทั้ง “บริการสาขาร่วม (Co-Location) -การชำระบิล (Bill payment) –การให้บริการสินเชื่อรถยนต์และการใช้บริการผ่านตู้ATMของทีเอ็มบีและธนชาตเหมือนเป็นตู้เดียวกัน ฟรีไม่มีค่าธรรมเนียม” ย้ำเดินหน้าสร้างนิยามใหม่ของวงการธนาคารมุ่งสู่ธนาคารชั้นนำของไทย เพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าและคนไทยทั้งประเทศอย่างแท้จริง นายประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ผู้จัดการใหญ่ ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า แผนการจับมือทางธุรกิจรวมกิจการสู่เป้าหมายเป็นหนึ่งเดียวของธนาคารทีเอ็มบี และธนาคารธนชาต ได้ดำเนินตามแผนที่วางไว้อย่างราบรื่น ภายใต้ ONE DREAM, ONE TEAM, ONE GOAL ด้วยต้องการที่จะช่วยสร้างชีวิตทางการเงิน หรือ Financial Well-being ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าและคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถบรรลุเป้าหมายในชีวิตทางการเงินของตนเองได้อย่างเต็มที่ โดยมีการปรับ พัฒนา และนำจุดแข็งมาส่งเสริมกันและกันให้เกิดบริการที่แตกต่างและเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยกระบวนการรวมกิจการทั้งสองธนาคารจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 สำหรับความสำเร็จของภารกิจการรวมธนาคารทั้งสองที่เริ่มดำเนินการมากว่า 6 เดือน มีความคืบหน้าล่าสุดด้านการให้บริการลูกค้าธนาคารทั้งสองเริ่มเชื่อมโยงการให้บริการแบบไร้รอยต่อในช่องทางบริการอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของทั้งสองธนาคารมากยิ่งขึ้น โดยลูกค้าที่ต้องการชำระบิลสินเชื่อรถยนต์ ประกันรถยนต์ สินเชื่อบ้าน สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด ของธนาคารธนชาต สามารถทำรายการดังกล่าวได้ผ่านโมบายล์แอปพลิเคชัน ทัช (TOUCH) และตู้ ATM ของทีเอ็มบี(ยกเว้นสินเชื่อบ้าน และประกันรถยนต์) ได้เรียบร้อยแล้ว และในส่วนของลูกค้าทีเอ็มบี สามารถใช้บริการกดเงินไม่ใช้บัตรผ่าน TOUCH เพื่อรับเงินสดจากเครื่อง ATM ของธนชาตได้เช่นกัน นอกจากนี้ลูกค้าทั้งสองธนาคาร ต่างก็ได้รับความสะดวกจากการใช้บริการ ATM/ ADM จำนวนกว่า 4,900 เครื่องทั่วประเทศ ผ่านเครือข่าย ATM ทั้งของทีเอ็มบี และธนชาต เสมือนเป็นตู้ของธนาคารเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการฝาก ถอน และโอน สามารถทำรายการได้ฟรี! ไม่มีค่าธรรมเนียม อีกหนึ่งความสำเร็จของการให้บริการสาขา ธนาคารได้เปิดตัวสาขาที่ให้บริการร่วม (Co-Location) ระหว่างทีเอ็มบี และธนชาต ที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้รับเสียงสะท้อนด้านดีและชื่นชมจากลูกค้า เพราะลูกค้าของทั้งสองธนาคารได้รับความสะดวกสบาย ทั้งในเรื่องการบริการและผลิตภัณฑ์ที่นำมาตอบโจทย์ให้ตรงตามความต้องการมากขึ้น ทั้งนี้สาขาร่วมเปิดให้บริการแล้ว จำนวน 44 สาขา (ณ มิถุนายน 2563) โดยสิ้นปี 2563 เป้าหมายอยู่ที่ประมาณ 100 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ ประมาณ 60 สาขา และต่างจังหวัด จำนวนกว่า 30 สาขา นอกจากนี้ พนักงานทีเอ็มบีสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์บริการสินเชื่อรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อรถยนต์ใหม่ รถใช้แล้ว และรถแลกเงิน ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักและโดดเด่นจากธนชาต ตอกย้ำการรวมจุดแข็งเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า สำหรับความคืบหน้าในด้านการรวมบุคคลากรการวางแผนโครงสร้างกำลังคนและการโอนย้ายพนักงานเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นไปตามเป้าหมาย พนักงานทั้งทีเอ็มบี และธนชาต ต่างให้ความร่วมมือร่วมใจ ทุกคนพร้อมจะเปิดรับสิ่งใหม่ที่แตกต่างและทำงานด้วยความกระตือรือร้นที่จะร่วมสร้างธนาคารแห่งใหม่ที่มีศักยภาพในการแข่งขันนี้ด้วยกัน โดยผู้บริหารของธนาคารใหม่ได้ย้ายมาทำงานร่วมกันทั้งหมดตั้งแต่ต้นปี และตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา มีการโอนย้ายพนักงานบางส่วนมาแล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้บริหารระดับสูง พนักงานระดับหัวหน้างาน และพนักงานส่วนปฎิบัติการ แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ธนาคารเองก็ยังคงเดินหน้าดำเนินงานตามแผนงานรวมกิจการได้อย่างราบรื่นและเป็นตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ “ณ ตอนนี้เราถือเป็นว่า ONE TEAM ที่จะร่วมมือร่วมใจกันสร้างธนาคารใหม่ที่จะสร้างนิยามใหม่ของวงการธนาคารมุ่งสู่ธนาคารชั้นนำของไทยด้วยการเป็นธนาคารที่คนชื่นชอบและบอกต่อมากที่สุด และเมื่อภารกิจการรวมธนาคารของเราสำเร็จเรียบร้อยครบทุกด้าน ธนาคารใหม่ที่เกิดขึ้น จะกลายเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ขึ้น แตะระดับ 10 ล้านราย ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์อื่นทั้งในระดับประเทศและระดับอาเซียนให้ดีขึ้น รวมทั้งสามารถสร้างสรรค์สินค้าและบริการด้านการเงินใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้มีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น” นายประพันธ์ กล่าวทิ้งท้าย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ