กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--เอไอเอ ประเทศไทย
-เอไอเอ ประเทศไทย ผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตและผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked) ในประเทศไทย เดินหน้าขับเคลื่อนตลาดทุน เปิดตัวบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด (AIAIMT) มุ่งเน้นบริหารจัดการกองทุนรวมภายใต้กรมธรรม์ยูนิต ลิงค์ นำความเชี่ยวชาญในการบริหารพอร์ตกว่า 30 ปี เชื่อมโอกาสการลงทุนผ่านเครือข่ายทั่วโลก ยกระดับการบริหารการลงทุนเพื่อความยั่งยืน และการประกอบธุรกิจโดยยึดหลัก ESG พร้อมชูจุดเด่นค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุนรวมเชิงรุกที่ลดลง เพื่อสร้างอัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าให้แก่ลูกค้า
ดร. มาร์ค โคนิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน กลุ่มบริษัทเอไอเอกล่าวว่า “กลุ่มบริษัทเอไอเอ เป็นกลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประสบการณ์ด้านการลงทุนที่แข็งแกร่งใน 18 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยมีทีมบริหารการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า 150 คนจากทั่วทุกภูมิภาคของโลก ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทเอไอเอ เล็งเห็นถึงศักยภาพในการบริหารสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามหาศาลของเอไอเอ ประเทศไทย ซึ่งลงทุนทั้งในตลาดตราสารหนี้ ตลาดตราสารทุน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การสนับสนุนด้านทรัพยากรหลายภาคส่วนจากกลุ่มบริษัทเอไอเอ ซึ่งตลอดระยะเวลา 82 ปีที่ เอไอเอ อยู่คู่คนไทยมานั้น เอไอเอ ได้พิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจที่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ1โดยปัจจุบันกว่า 1 ใน 3 ของกรมธรรม์ประกันชีวิตในประเทศไทยเป็นกรมธรรม์ของเอไอเอ2และถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดการลงทุนของไทย สำหรับการเปิดบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอไอเอ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัทเอไอเอ อย่างเป็นทางการในวันนี้ จึงนับเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งสำหรับเอไอเอในประเทศไทย”
“บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) เป็นหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดของไทย โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญในการบริหารและจัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ที่ยาวนาน และประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการการลงทุนทางการเงินมามากกว่า 3 ทศวรรษ ซึ่ง บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จะมุ่งเน้นการดำเนินงานตามนโยบายการลงทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable investment) และการประกอบธุรกิจโดยยึดหลัก ESG (Environmental, Social and Governance) ที่คำนึงถึงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล เช่นเดียวกับนโยบายของกลุ่มบริษัทเอไอเอที่เชื่อว่า การดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณภาพและคุณธรรมตามหลัก ESG จะสามารถเพิ่มโอกาสการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างยั่งยืน” ดร. มาร์ค กล่าว
นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยว่า “บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) ก่อตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารจัดการสินทรัพย์ของเอไอเอ ประเทศไทย และเงินลงทุนในกองทุนรวมจากกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ของเอไอเอ ประเทศไทย เพื่อมอบบริการด้านการลงทุนและผลประโยชน์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ปัจจุบัน บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมมูลค่า 847,000 ล้านบาท พร้อมมีทีมผู้บริหารจัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ด้านการลงทุนกว่า 30 ปี ทั้งในตลาดไทยและตลาดสากล ซึ่ง บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จะประสานความร่วมมือกับเครือข่ายการลงทุนของกลุ่มบริษัทเอไอเอทั่วโลก ตลอดจนพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อบริหารการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ได้
อย่างเหมาะสม”
“การก่อตั้ง บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จึงเป็นโอกาสอันดีที่ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ของเราจะได้เปิดประตูสู่เครือข่ายการลงทุนระดับโลกของเอไอเอ ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) ที่มุ่งมั่นลงทุนเคียงข้างลูกค้าบริหารจัดการสินทรัพย์ผ่านความชำนาญและประสบการณ์ระดับโลก พร้อมการนำเทคโนโลยีการลงทุนขั้นสูงและมีความปลอดภัยสูงสุดมาใช้ในการทำงาน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับผู้ลงทุน โดย บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จะเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น ด้วยการขยายช่องทางในการลงทุนระดับสากล ผ่านเครือข่ายการลงทุนทั่วโลกและพันธมิตรทางธุรกิจที่มีชื่อเสียงยาวนานร่วมร้อยปี อาทิ BlackRock, Wellington Management และ Baillie Gifford เป็นต้น ซึ่ง บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จะนำเงินลงทุนของลูกค้าไปลงทุนด้วยความใส่ใจเสมือนเป็นเงินลงทุนของเราเอง” นายสุขวัฒน์ กล่าว
บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) ได้จัดตั้งกองทุนรวมจำนวน 9 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนรวมที่ลงทุนในประเทศ 5 กองทุน และกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ 4 กองทุน โดยเน้นการลงทุนเพื่อผลตอบแทนในระยะยาว ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีการบริหารความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ อย่างรอบคอบ โดยเบื้องต้น บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) ได้เปิดตัวกองทุนรวมในประเทศ 5 กองทุน และสำหรับกองทุนรวมต่างประเทศจะมีการเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้