กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทและวิลลา หัวหิน
อีกหนึ่งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวตามแนวคิด “อะเมซิ่ง ไทยเท่ - เมืองไทย สวยทุกที่ เท่ทุกสไตล์” จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทและวิลลา หัวหิน ตอบรับความสำเร็จล่าสุดจากการจัดงาน “เทศกาลอาหารหัวหิน 2563” เมื่อเร็วๆนี้ คืนความสุขนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ตอกย้ำภาพลักษณ์เมืองหัวหินเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวและตอบโจทย์การท่องเที่ยวของทุกไลฟ์สไตล์และรสนิยม
เมื่อเร็วๆนี้ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทและวิลลา หัวหิน นำโดย มร. ยัน ไวไชท์ (ซ้ายสุด) รองผู้จัดการทั่วไปประจำโรงแรมฯ ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำโดย โศรยา หอมชื่น (ตรงกลาง) ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานประจวบคีรีขันธ์ เข้าเยี่ยมชมการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวครั้งล่าสุด “เทศกาลอาหารหัวหิน 2563” ที่จัดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อยกระดับ "หัวหิน เมืองท่องเที่ยว" พร้อมสร้างสีสันแห่งวงการอาหารด้วยความอร่อยจากอาหารขึ้นชื่อเมืองหัวหินกว่า 100 รายการ ที่พร้อมบริการทุกท่านเบื้องหน้าความงดงามของท้องทะเลเมืองหัวหิน โดยกิจกรรมดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากเทศบาลเมืองหัวหินรวมทั้งหลากหลายผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าอย่างเต็มที่ เพื่อตอบโจทย์การตลาดท่องเที่ยวในปัจจุบันตามกลยุทธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศผ่านแนวคิด “อะเมซิ่ง ไทยเท่ - เมืองไทย สวยทุกที่ เท่ทุกสไตล์” จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ภายในงาน มีการนำเสนอความอร่อยจากรายการอาหารขึ้นชื่อประจำเมืองหัวหินนานาชนิด จากหลากหลายโรงแรมและร้านอาหารยอดนิยม พร้อมความบันเทิงหลากหลายรูปแบบภายในงานและดนตรีบรรเลงสดเคล้าบรรยากาศริมหาดยามเย็นสบายๆ ของชายหาดหัวหิน บริเวณโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ หัวหินเพื่อคืนบรรยากาศความสนุกสนานของเมือง ซึ่งทุกท่านสามารถเข้าร่วมงานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแรงดึงดูดให้ “เทศกาลอาหารหัวหิน 2563” ครั้งล่าสุดนี้ได้รับผลตอบรับจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างดี และคาดว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานทั้งสิ้นกว่า 5,000 คน โดยถึงแม้ว่างานดังกล่าวจะเป็นการจัดกิจกรรมแบบกลางแจ้ง ผู้เข้าร่วมงานทั้งหมดยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing (โซเชียล ดิสแทนซิ่ง) อย่างเคร่งครัด โดยทางผู้จัดงานมีความเข้มงวดในการเว้นระยะห่างทางสังคมแบบหมู่คณะ รวมทั้งผู้เข้าร่วมงานทุกคนจะได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าพื้นที่ ต้องสแกนคิวอาร์โค้ดผ่านแอพพลิเคชั่น "ไทยชนะ" ซึ่งได้แบ่งหมวดพื้นที่อย่างละเอียดครบถ้วนเพื่อให้ทุกท่านสามารถสแกนเข้า-ออกได้อย่างถูกต้องแม่นยำ มีการจัดเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้ให้บริการและที่สำคัญที่สุดคือการเน้นย้ำการสวมหน้ากากอนามัยของผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกท่านเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ โศรยา หอมชื่น ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพรวมของการท่องเที่ยวในพื้นที่ว่า “จากการคลายมาตรการ "ล็อกดาวน์" หรือ ผ่อนปรนสถานการณ์ ในหลายระยะที่ผ่านมา ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในเมืองหัวหิน ทั้งผู้ประกอบการโรงแรมและร้านอาหารต่างได้รับผลตอบรับจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี เนื่องจากหัวหินเป็นจุดหมายการพักผ่อนที่มีชื่อเสียงในด้านการพักผ่อนตากอากาศแถบชายทะเล ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ซึ่งนอกจากความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทั้งชายทะเล ภูเขา ถ้ำและน้ำตกแล้ว หัวหินยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย ทั้งในรูปแบบวิถีชีวิตชุมชน และแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งล้วนแต่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยว โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมาที่มีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนที่เมืองหัวหินเป็นจำนวนมาก และยังทยอยเดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งถือว่าเป็นกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมต่อภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์”
นอกจากความร่วมมือการจัดงาน “เทศกาลอาหารหัวหิน 2563” ล่าสุดแล้ว โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทและวิลลา หัวหิน ยังได้ประกาศความร่วมมือระยะยาวต่อ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวตามแนวคิด “อะเมซิ่ง ไทยเท่ - เมืองไทย สวยทุกที่ เท่ทุกสไตล์” ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 และ 4 นี้ โดยในเดือนสิงหาคมนี้จะมีการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในพื้นที่ชะอำและหัวหินซึ่งเป็นการบูรณาการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวข้ามพื้นที่ที่เน้นความหลากหลายของตัวเลือกการพักผ่อนที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในด้านอายุ เพศและความสนใจ พร้อมด้วยมาตรการควบคุมและดูแลด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวท้องถิ่นให้ทันสมัยและเผยแพร่ต่อประชาชนอย่างกว้างขวาง ต่อเนื่องในเดือนกันยายนด้วยอีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยว “เที่ยวสุขใจไปแบบนิวนอร์มอล” ที่เน้นการพัฒนารูปแบบการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงรุกต่อตลาดนักท่องเที่ยวไทยกลุ่มเจนวาย (Gen Y) ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อมากที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมิติใหม่ที่ปลอดภัยและเพื่อเสริมสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด ซึ่งจะสามารถช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในองค์รวมด้วย โดยทางโรงแรมฯตั้งเป้าจำนวนห้องพักจากความร่วมมือดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 10,000 การเข้าพัก รวมถึงจำนวนผู้รับรู้ข่าวสารจากทุกช่องทางรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10,000,000 คน