กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล. โกลเบล็ก (GBS) มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลง เฝ้าจับตาปัจจัยต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ แนะลงทุนหุ้นที่พึ่งพิงรายได้ในประเทศเป็นหลัก และได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 น้อย พร้อมแนะกลยุทธ์การลงทุนหุ้น Defensive Stock ชู 8 หุ้นเด่น ADVANC - INTUCH - DIF - TTW - BEM - BTS - CHG และBCH เข้าพอร์ต
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มปรับตัวลง ภายหลังจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีนกลับมาอีกครั้ง ต่อที่กรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งห้ามบุคคลหรือบริษัทอเมริกันทำธุรกรรมใดๆ กับบริษัท ไบต์แดนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok และแอพ WeChat ของบริษัท เทนเซ็นต์ ส่วนปัจจัยในประเทศนักลงทุนยังติดตามสัปดาห์สุดท้ายของการประกาศงบไตรมาส 2 อีกทั้งจากผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 หลังจากธุรกิจกลับมาดำเนินการได้ รวมทั้งการออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ฝ่ายวิจัยมองกรอบดัชนีเคลื่อนไหวที่ 1,320 -1,355 จุด
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก มองว่านักลงทุนยังคงต้องจับตาปัจจัยต่างๆทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ ที่ยังคงเป็นตัวแปรหลักเพื่อการตัดสินใจในการลงทุน อาทิ การประชุมครม.ว่าจะมีวาระพิเศษที่เข้ากระตุ้นการลงทุนเพิ่มเติมหรือไม่ หลังจากที่หลายฝ่ายประเมินว่าการเมืองในประเทศหลังจากปรับครม.อาจจะไม่ตอบโจทย์ในเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมถึงกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งขยายระยะเวลาในการใช้มาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจช่วงโควิด-19 ภายหลังจากที่การเจรจาต่อรองระหว่างสมาชิกสภานิติบัญญัติของพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตประสบความล้มเหลว อีกทั้งบริษัทซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลซาอุดีอาระเบียคาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคเอเชียจะฟื้นตัวขึ้นหลังผ่อนคลายล็อกดาวน์และการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของอิรัก
ด้าน นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินกลยุทธ์การลงทุน โดยแนะนำหุ้นกลยุทธ์การลงทุนหุ้น Defensive Stock เนื่องจากเป็นหุ้นที่พึ่งพิงรายได้ในประเทศเป็นหลัก และได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 น้อย มีอัตราการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ฐานะการเงินแข็งแกร่ง อาทิ ADVANC- INTUCH -DIF –TTW- BEM –BTS- CHG- BCH
ส่วนราคาทองคำ มองว่าราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบ 2,000 $/Oz หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 29,970 บาทต่อบาททองคำ โดยได้แรงหนุนจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสาเหตุดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติมให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นไปทดสอบดังกล่าว