กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--บียอร์นไออาร์
THREL แจงผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2563 รายได้สุทธิ 581 ล้านบาท ตามการเติบโตของประกันสุขภาพ หลังผู้บริโภคตระหนักรู้ถึงความสำคัญมากขึ้น ล่าสุด A.M. Best คงอัตราเรตติ้ง A- สะท้อนฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง-ขีดความสามารถขยายงานทั้งในและต่างประเทศ หนุนการเติบโตในอนาคต
นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2563 ว่า บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยต่อที่ถือเป็นรายได้สุทธิ จำนวน 582 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 6% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ตามเบี้ยประกันภัยต่อรับที่เติบโตราว 4% แตะ 725 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของงานประกันชีวิตแบบร่วมพัฒนา (Non-Conventional) โดยเฉพาะสัญญาประกันสุขภาพที่เติบโต 11% ตามแนวโน้มตลาดที่เพิ่มสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีนี้ หลังผู้บริโภคมีความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของประกันมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัย จำนวน 593 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุสำคัญเกิดจากภาระสินไหมทดแทน (เคลม) คงค้างจากสัญญาประกันสุขภาพที่ได้ยกเลิกไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งภาระดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ขณะที่รายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 16 ล้านบาท ปรับลดลงตามสภาวะตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เกิดความผันผวนอันเนื่องมาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิสำหรับงวดไตรมาส 2 ปี 2563 เหลือราว 6 ล้านบาท รวมครึ่งปีแรกบริษัทฯ มีกำไรสุทธิที่ 35 ล้านบาท
นายสุทธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตจะได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 แต่เบื้องต้นคาดว่า ช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ต่อเนื่องไปในระยะยาวจะสดใสขึ้น เนื่องจาก “ประกัน” ถือว่ามีความจำเป็นต่อทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภค โดยเฉพาะในเรื่องของการป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้นบริษัทฯ จึงเร่งเดินหน้าจับมือพันธมิตร คิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมไปถึงการพัฒนา Digital Platform ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุค New Normal
“ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างร่วมมือกับพันธมิตรในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อาทิ ประกันโรคร้าย เป็นต้น รวมถึงการเร่งพัฒนาดิจิทัล แพลทฟอร์ม เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึง และตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุค New Normal” นายสุทธิ กล่าว ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ ยังมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงและแข็งแกร่ง โดยล่าสุดสถาบันจัดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล A.M. Best ได้คงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ ไว้ที่ A- หรืออยู่ในระดับ “แข็งแกร่ง” สะท้อนฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ตอกย้ำขีดความสามารถในการขยายงานทั้งในและต่างประเทศ สนับสนุนการเติบโตในอนาคต