กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--เวิร์คลิ้งค์ ดา เอเจนซี่
ATP30 เผยธุรกิจให้บริการรถรับส่งครึ่งปีหลังแนวโน้มดีกว่าครึ่งปีแรก เตรียมให้บริการลูกค้าเดิมตามปกติ จ่อเจรจาลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง พร้อมมุ่งเน้นกลยุทธ์ลดค่าใช้จ่าย-ควบคุมต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไร ขณะที่ผลประกอบการครึ่งปีแรกรายได้ 190.08 ล้านบาท กำไร 8.95 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 22.48%
นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) (ATP30) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการรถรับส่งพนักงานจากแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการโดยเฉพาะรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) เปิดเผยว่าภาพรวมธุรกิจให้บริการรถรับส่งช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด -19 ในประเทศเริ่มคลี่คลาย ห้างสรรพสินค้า สถานที่ท่องเที่ยว โรงงานอุตสาหกรรมกลับมาเปิดดำเนินการตามปกติ
ทั้งนี้ การดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/63 บริษัทเตรียมความพร้อมในการกลับมาให้บริการลูกค้าเดิมอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งในส่วนของบริการรถรับส่งพนักงานโรงงานอุตสาหกรรม บริการรถ shuttle bus รับส่งมวลชน และบริการรถรับส่งนักท่องเที่ยว พร้อมเจรจาลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง
“บริษัทพยายามรักษาสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในทุกด้าน พร้อมบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้งมุ่งเน้นการพัฒนาระบบบริหารจัดการการเดินรถ เพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไร รวมถึงการพัฒนาบุคลากร เพื่อรักษาคุณภาพในการให้บริการอย่างต่อเนื่อง” นายปิยะ กล่าว
สำหรับผลประกอบการครึ่งแรกปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 190.08 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 227.85 ล้านบาท จำนวน 37.77 ล้านบาท หรือลดลง 16.58% และมีกำไรสุทธิ 8.95 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 23.41 ล้านบาท จำนวน 14.46 ล้านบาท
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 87.01 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 114.40 ล้านบาท จำนวน 27.39 ล้านบาท หรือลดลง 23.94% และมีกำไรสุทธิ 3.50 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.24 ล้านบาท จำนวน 7.74 ล้านบาท
ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลง เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้รถรับส่งนักท่องเที่ยวจำเป็นต้องหยุดให้บริการ และบริการรถรับส่งพนักงานได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมรถรถยนต์ อีกทั้งพนักงานออฟฟิศของโรงงานอุตสาหกรรมบางส่วนมีนโยบาย work from home
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และบริหารจัดการต้นทุนด้านต่างๆอยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นงวดไตรมาส 2/63 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 22.48% เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 1/63 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 20.87%