กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--มีเดียแอสโซซิเอตเต็ด
งานมหกรรมการเงินโคราช ครั้งที่ 14 Money Expo Korat 2020 จัดโดยวารสาร “การเงินธนาคาร” วันที่ 7-9 สิงหาคม 2563 ประเดิมจัดงานแบบ Hybrid Exhibition ดันยอดธุรกรรมทั้งออฟไลน์และออนไลน์พุ่ง 6,500 ล้านบาททะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ โปรฯดอกเบี้ย 0% เฉพาะในงานหนุนสินเชื่อบ้าน/รีไฟแนนซ์บ้านพุ่งกว่า 3,900 ล้านบาท ยอดจองสินเชื่อบ้านผ่านแอปฯ ธอส.เต็มวงเงิน 900 ล้านบาทภายใน 7 วินาทีประชาชนกังวลโควิดหนุนยอดซื้อประกันกว่า 800 ล้านบาท ผู้ประกอบการขอสินเชื่อเอสเอ็มอีสู้ภัยโควิด 500 ล้านบาท
นางสาวภาคนี วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานร่วมงานมหกรรมการเงิน Money Expo เปิดเผยว่า งานมหกรรมการเงินโคราช ครั้งที่ 14 Money Expo Korat 2020 ระหว่างวันที่ 7-9 สิงหาคม 2563 ณ เอ็มซีซี ฮอลล์ เดอะมอลล์ นครราชสีมา มีประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจสมัครใช้บริการทางการเงินและการลงทุนรวมกว่า 20,000 ราย และมียอดธุรกรรมการเงินเกิดขึ้นในงาน 3 วันรวม 6,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
นางสาวภาคนีกล่าวว่า งานมหกรรมการเงินโคราช ครั้งที่ 14 เป็นงานแรกที่จัดงานในรูปแบบใหม่ “Hybrid Exhibition” โดยใช้แพลตฟอร์ม Money Expo Online ควบคู่ไปกับการแสดงงานแบบ Offline เดิมโดยผู้ที่สนใจสามารถคลิ๊กเข้าไปดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์และบริการ รวมทั้งโปรโมชั่นของธนาคารและสถาบันการเงินที่เข้าร่วมงานที่สำคัญสามารถเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจให้ง่ายขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีประชาชนเข้ามาสมัครใช้บริการผ่านแฟลตฟอร์มใหม่นี้ตลอดการจัดงานทั้ง 3 วัน
นอกจากนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ยังได้เปิดช่องทางออนไลน์ให้ลูกค้าประชาชนจองสิทธิ์สินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน ฟรีค่าธรรมเนียม 3 ประเภท ผ่าน Application GHB ALL ในช่วงนาทีทอง Golden Minute ของวันที่ 9 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัดงานมหกรรมการเงินโคราช ครั้งที่ 14 โดยใช้เวลาเพียง 7 วินาที มียอดจองเต็มวงเงิน 900 ล้านบาท มีผู้สนใจเข้าจองจำนวน 6,700 ราย มีผู้ได้สิทธิ์ 283 รายวงเงินจองเฉลี่ยต่อราย 3.2 ล้านบาท
“การจัดงานในรูปแบบ Hybrid Exhibition เป็นบริการใหม่ที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงินและการลงทุนได้ง่ายอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกันส่งผลให้ในงานมหกรรมการเงินโคราช ครั้งที่ 14 มียอดธุรกรรม
ทั้งออฟไลน์และออนไลน์รวมกว่า 6,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5,000 ล้านบาทซึ่งลดลงจากยอดธุรกรรม 10,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมาเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19”
สำหรับธุรกรรมที่มีผู้สมัครใช้ริการสูงเป็นอันดับ 1 คือ สินเชื่อบ้านและรีไฟแนนซ์บ้าน มีผู้สมัครใช้บริการเป็นวงเงินกว่า 3,900 ล้านบาท จากโปรโมชั่นพิเศษอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 0% นาน 6 เดือน ซึ่งมีเฉพาะในงานเท่านั้น และผู้กู้ยังได้รับเงื่อนไขพิเศษเช่น การยกเว้นค่าธรรมเนียมประเมินราคา ค่าจดจำนอง ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้รวมทั้งแคมเปญรีไฟแนนซ์อัตดอกเบี้ยต่ำช่วยให้ผู้กู้มีภาระผ่อนบ้านต่อเดือนลดลง นอกจากนี้ธนาคารที่ร่วมออกบูธในงานยังมีการอนุมัติสินเชื่อเบื้องต้นอย่างรวดเร็วทำให้รู้ผลได้ทันที
ประชาชนสนใจซื้อ ประกันชีวิต/ประกันวินาศภัยและแบงก์แอสชัวรันส์สูงเป็นอันดับ 2 คิดเป็นทุนประกันรวมกว่า 870 ล้านบาท แบบประกันที่ได้รับความนิยมคือ แบบประกันที่เน้นการลงทุนเพื่อได้รับแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากและได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีนอกจากนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ประกันสุขภาพได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมียอดประกันสุขภาพในช่วงโควิดเพิ่มขึ้นถึง 90% ซึ่งภายในงานก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเช่นกัน
สินเชื่อเอสเอ็มอี มียอดเงินกู้สูงเป็นอันดับ 3 กว่า 500 ล้านบาทโดยมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาขอกู้ในหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งท่องเที่ยว รับเหมาก่อสร้าง ร้านอาหาร ร้านค้า ฯลฯ ส่วนใหญ่จะเป็นการกู้เพื่อไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในช่วงที่ธุรกิจประสบกับปัญหาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยภายในงานเอสเอ็มอีแบงก์ได้นำแคมเปญ “เสริมภูมิคุ้มกันสร้างแกร่งธุรกิจสู้ภัยโควิด-19 พาเอสเอ็มอีอยู่รอด” ด้วยสินเชื่อเอสเอ็มอีดอกเบี้ยถูกเพียง 3% ต่อปี พร้อมวัคซีนเสริมแกร่งธุรกิจ “เติมความรู้ เพิ่มรายได้ ขยายตลาด” ผ่านระบบออนไลน์
นางสาวภาคนีกล่าวว่า ผู้เข้าชมงานได้สมัครบัตรเครดิต กว่า 6,600 ราย วงเงินกว่า 330 ล้านบาท สมัครใช้บริการสินเชื่อบุคคลกว่า 1,200 ราย วงเงินกว่า 200 ล้านบาท และเปิดบัญชีเงินฝาก/ซื้อสลากออมทรัพย์กว่า 140 ล้านบาท ด้านตลาดทุน ผู้เข้าชมงานลงทุนในกองทุนรวม กว่า 280 ล้านบาท มียอดเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น ตราสารอนุพันธ์และทองคำ กว่า 200 บัญชี
การจัดงานมหกรรมการเงินในภูมิภาคครั้งต่อไป จะมีขึ้นที่จังหวัดระยอง คือ งานมหกรรมการเงินระยอง ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม 2563 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ระยอง เพื่อให้บริการทางการเงินและการลงทุนด้วยโปรโมชั่นพิเศษแก่ชาวระยอง และประชาชนในจังหวัดใกล้เคียงในภาคตะวันออก