![สรุปประเด็นสำคัญจาก LIVE สด Capturing Opportunity on the Rise of Asia – คว้าโอกาสการลงทุนจากการเติบโตของเอเชีย]()
กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--ธนาคารกสิกรไทย
เนื่องจากจำนวนประชากรใน
เอเชียมีมากถึงเกือบ 60% ของประชากรทั่วโลก และมีสัดส่วนชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น ทำให้คน
เอเชียเป็นผู้บริโภคสินค้าและบริการรายใหญ่ของโลก ส่งผลให้
เอเชียมีความสำคัญต่อ
เศรษฐกิจโลกมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในปัจจุบันขนาดเศรษฐกิจของ
เอเชียมีมากถึง 30% ของ
GDP โลก อย่างไรก็ตามหุ้น
เอเชียยังมีสัดส่วนเพียง 13% ในดัชนีหุ้นโลก (MSCI All-Country World Index) ดังนั้นมีโอกาสสูงที่หุ้น
เอเชียจะมีบทบาทในตลาดหุ้นโลกมากขึ้น
นางสาว พีรกานต์ ศรีสุข, CFA ผู้จัดการกองทุน บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการลงทุนในหุ้น
เอเชีย คือ การเลือกลงทุนผ่านกองทุนหุ้น
เอเชียที่มีความโดดเด่นทั้งในแง่ผลตอบแทนและความเสี่ยง โดยทางบลจ.กสิกรไทย ได้กระจายการลงทุนในกองทุนหุ้น
เอเชีย 2 กองทุน ได้แก่ Morgan Stanley Asia Opportunity ในสัดส่วน 75% และ Lombard Asia High Conviction ในสัดส่วน 25% ซึ่งทั้งสองกองทุนมีนโยบายเลือกหุ้นแบบ Bottom-up โดยเลือกหุ้นที่มีคุณภาพและมีศักยภาพในการเติบโตสูง
นอกจากนี้ กองทุน K-ASIACV ยังเป็นกองทุนหุ้น
เอเชียเดียวในไทยที่มีกลไกควบคุมความเสี่ยง โดยผู้จัดการกองทุนมีกลไกการปรับพอร์ตอัตโนมัติอย่างน้อยทุกสัปดาห์ ทำให้นักลงทุนไม่จำเป็นต้องจับจังหวะซื้อขาย โดยผู้จัดการกองทุนจะเพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินสดเมื่อตลาดมีความผันผวนมากขึ้น และมีกลไกในการกลับเข้าลงทุนอย่างรวดเร็วเมื่อตลาดส่งสัญญาณฟื้นตัว ทำให้ลดความเสี่ยงขาลงและไม่พลาดโอกาสสร้างผลตอบแทนขาขึ้น
มร.ชิไค เฉิน, CFA Head of Asia Ex-Japan Equity and a Senior Portfolio Manager for Asia, Lombard Odier ได้ระบุถึงการจัดสรรเงินลงทุนด้วยการให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์จากปัจจัยพื้นฐานของแต่ละบริษัท (Bottom-up) ไม่จัดสรรเงินลงทุนตามประเทศหรืออุตสาหกรรม เห็นได้จากผลงานย้อนหลัง 6 ปีที่ผ่านมาว่าการเลือกหุ้นที่ถูกต้อง ทำให้กองทุนมีผลตอบแทนโดดเด่นกว่ากองทุนอื่นๆ
ทั้งนี้ ทาง Lombard Odier มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น
เอเชียในอีก 12 เดือนข้างหน้า จากปัจจัยสนับสนุนหลายประการ ได้แก่ หุ้นยังที่ยังราคาน่าสนใจ และมีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นที่สูง รวมถึงหลายๆ ประเทศใน
เอเชียยังรับมือกับการระบาดของโรคโควิด 19 ได้ดี ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจใน
เอเชียกลับมาได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว หรือ ประเทศเกิดใหม่ในภูมิภาคอื่นๆ อย่างละตินอเมริกา และยุโรปตะวันออก
อย่างไรก็ตามตลาดหุ้น
เอเชียยังคงมีปัจจัยเสี่ยง จากการชะลอตัวของ
เศรษฐกิจโลก โดยหลายประเทศได้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลดำเนินงานของบริษัทใน
เอเชีย นอกจากนี้ประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงปกคลุมตลาด และมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า ก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้ตลาด
เอเชียมีความผันผวนเพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นโอกาสในการเข้าลงทุนที่ดีเช่นกัน
สรุป 3 ประเด็นสำคัญที่ควรคำนึงถึงในการลงทุนในหุ้น
เอเชีย ได้แก่
ความสำคัญของ
เอเชียที่สูงขึ้น ในปี 2010
เอเชียมีสัดส่วนเพียง 55% ของตลาดเกิดใหม่ แต่ในปัจจุบันมีสัดส่วนถึง 80% ด้วยความที่
เอเชียเป็นภูมิภาคมีประชากรจำนวนมากที่สุดในโลกและจำนวนชนชั้นกลางก็สูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เรามองว่าบทบาทความสำคัญของหุ้น
เอเชียในตลาดหุ้นโลกจะสูงขึ้นต่อจากนี้ผลตอบแทนจากค่าเงิน ประเด็นค่าเงินเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญสำหรับการลงทุนในบางประเทศใน
เอเชีย เช่น อินโดนีเซีย และอินเดีย ที่ผลกำไรหรือผลขาดทุนจากค่าเงินจะกระทบผลตอบแทนจากราคาหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นเรามีการพิจารณาอย่างรอบคอบโดยคำนึงถึงผลตอบแทนในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับนักลงทุนศักยภาพในการเติบโตของ
เอเชีย เอเชียเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของ
เศรษฐกิจโลกในอีก 5-10 ปีข้างหน้า โดยมีแรงหนุนจากจีนเป็นหลัก
ด้าน นางสาวศิริพร สุวรรณการ Financial Advisory Head Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่าเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวแบบ Nike-Shaped โดยฟื้นตัวได้ดีในช่วงแรก และการที่จะฟื้นตัวกลับไปถึงระดับก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 นั้นมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ซึ่งหลายประเทศใน
เอเชียนั้นสามารถควบคุมโควิด-19 ได้ดี ทำให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวก่อน นอกจากนี้ในระยะยาวภูมิภาค
เอเชียจะมีบทบาทต่อการเติบโตของ
เศรษฐกิจโลกมากขึ้นเรื่อยๆ
ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกผ่อนคลายนโยบายการเงินส่งผลให้ดอกเบี้ยต่ำทั่วโลก ดังนั้นหุ้นจึงเป็นส่วนสำคัญต่อพอร์ตการลงทุนในสภาวะดอกเบี้ยต่ำเช่นนี้ โดยต้องเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มผู้ชนะและหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นกลุ่มผู้แพ้ และหัวใจสำคัญของการบริหารการลงทุนนั้นต้องพิจารณาปัจจัยรอบด้านทั้งในเชิงคุณภาพ และตัวเลขทางการเงิน
KBank Private Banking แนะนำ กองทุน K Asia Controlled Volatility Fund (K-ASIACV) ที่บริหารโดย Morgan Stanley และ Lombard Odier ซึ่งเป็นกองทุนหุ้น
เอเชียที่เน้นไปที่หุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำตลาด โดยแตกต่างกับ K-ASIA ที่มีอยู่ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก และยังโดดเด่นกว่ากองทุนประเภทเดียวกันในตลาด
KBank Private Banking เชื่อว่าภูมิภาค
เอเชียจะเป็นแรงขับเคลื่อน
เศรษฐกิจโลกในอนาคต ดังนั้นการลงทุนในหุ้น
เอเชียจึงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างผลตอบแทนให้แก่พอร์ตการลงทุน”