กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานเกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ พะเยา น่าน เลย ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด รวม 11 อำเภอ 20 ตำบล 64 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 46 ครัวเรือน ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2563 ถึงปัจจุบัน (14 ส.ค.63 เวลา 06.00 น.) ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 6 จังหวัด รวม 11 อำเภอ 20 ตำบล 64 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 46 ครัวเรือน ได้แก่ ภาคเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ พะเยา เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอเชียงคำ รวม 5 ตำบล 40 หมู่บ้าน น่าน เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสองแคว อำเภอท่าวังผา และอำเภอบ่อเกลือ รวม 4 ตำบล 6 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3 ครัวเรือน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่ เลย ในพื้นที่อำเภอด่านซ้าย รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1 หลัง ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาดี และอำเภอประจันตคาม รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน ประขาชนได้รับผลกระทบ 19 ครัวเรือน จันทบุรี เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ เมืองจันทบุรี อำเภอขลุง และอำเภอมะขาม รวม 8 ตำบล 12 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8 ครัวเรือน และตราด เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอเขาสมิง รวม 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 15 ครัวเรือน ปัจจุบันสถานการณ์ภาพรวมใน 5 จังหวัด ได้แก่ พะเยา น่าน เลย ปราจีนบุรี และจันทบุรี คลี่คลายแล้ว ส่วนสถานการณ์ในจังหวัดตราดระดับน้ำลดลง ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเจ้าหน้าที่พร้อมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย เครื่องสูบน้ำ และยานพาหนะให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยขนย้ายสิ่งของไปไว้ในที่สูงและเร่งระบายน้ำท่วมขัง รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป