กรุงเทพฯ--17 ส.ค.--BANGKOK AUTUMN
เมื่อวันที่14 สิงหาคม 2563 บริษัท กรีน เพาเวอร์ 1 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยใน บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือCWTนำโดยนายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการและคณะผู้บริหารร่วมลงนามในสัญญา “โครงการบริหารจัดการและการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนลงทุนโดยเอกชน” ร่วมกับเทศบาลนครนครสวรรค์ โดยมีนายจิตตเกษมณ์ นิโรจน์ธนรัฐ นายกเทศมนตรีนครนครสวรรค์ เป็นตัวแทนในการลงนาม พร้อมด้วยนายเฉลิม ประสาททอง ท้องถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ และนางสาวชุติพร เสชัง ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ให้เกียรติเป็นสักขีพยาน
โดยโครงการจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นจำนวน 325.80 ล้านบาท ในสัญญาว่าจ้างแบบระยะยาว 25 ปี คาดการมูลค่ารายได้รวมประมาณ 590.55 ล้านบาท ซึ่งทางเทศบาลนครนครสวรรค์ได้ประกาศให้ บริษัท กรีน เพาเวอร์ 1 จำกัด หรือ GP1 ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ดำเนินการโครงบริหารจัดการและการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนลงทุนโดยเอกชน เทศบาลนครนครสวรรค์ ด้วยคะแนนสูงสุดทางด้านเทคนิคและราคาตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา
หลังการลงนามนี้ GP1 จะเริ่มเข้าพัฒนาพื้นที่และก่อสร้างโรงแปลงขยะมูลฝอยชุมชนเป็นเชื้อเพลิงพลังงาน RDF ในทันที ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท ซีโรเวซท์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการขยะครบวงจร ซึ่งจะดำเนินการก่อสร้างโรงแปลงขยะมูลฝอยชุมชนเป็นเชื้อเพลิงพลังงาน RDF ที่จะสามารถคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชนเพื่อแปลงเป็นเชื้อเพลิงพลังงาน RDF ได้ถึงวันละ 400 ตันโดยเฉลี่ย จากที่จังหวัดนครสวรรค์มีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่ต้องบริหารจัดการมากกว่า 300 ตันต่อวัน และมีจากบ่อฝังกลบมากกว่า 1 ล้านตัน ให้คัดแยกเป็นเชื้อเพลิงพลังงาน RDF
เพื่อความสอดคล้องอีกทั้งเป็นการต่อยอดจากการเป็นผู้บริหารจัดการและกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน บริษัทจะเริ่มดำเนินการศึกษาและออกแบบโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงพลังงาน RDF ร่วมกับทางเทศบาลนครนครสวรรค์ควบคู่ไปด้วย เพื่อพัฒนาสู่การเป็นผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงพลังงาน RDF ขนาดไม่เกิน 10.0 MW ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถดำเนินงานบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและสมบูรณ์แบบ
ทั้งนี้นายวีระพลกล่าวเสริมว่า “การเป็นผู้บริหารจัดการและกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนของ GP1 จะเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยชุมชน โดยจัดการของเสียอย่างถูกขั้นตอน ให้ไม่ไปรบกวนต่อสิ่งแวดล้อมและการคุณภาพการดำรงชีวิตของคนในชุมชนในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันบริษัทสนใจและกำลังศึกษาพัฒนา และมีโครงการอยู่ใน Pipe Line 3 โครงการที่มองว่าเป็นโครงการในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เหมาะสมต่อการเสนอทำโครงการต่อไป”