กรุงเทพฯ--17 ส.ค.--ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง
นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (FTE) ผู้นำธุรกิจนำเข้าและจำหน่าย บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงครบวงจร เปิดเผยว่า ผลประกอบการครึ่งแรกปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 443.44 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 499.53 ล้านบาท จำนวน 56.09 ล้านบาท หรือลดลง 11.23% และมีกำไรสุทธิ 26.49 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 54.03 ล้านบาท จำนวน 27.54 ล้านบาท หรือลดลง 50.97%
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 217.26 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 245.62 ล้านบาท จำนวน 28.36 ล้านบาท หรือลดลง 11.55% และมีกำไรสุทธิ 14.56 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24.26 ล้านบาท จำนวน 9.70 ล้านบาท หรือลดลง 39.98%
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากโครงการติดตั้งระบบดับเพลิงในสถานีไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ชะลอการส่งมอบพื้นที่เข้าดำเนินงาน ส่งผลให้รับรู้รายได้ล่าช้า ซึ่งโครงการดังกล่าวมีมูลค่าโครงการค่อนข้างสูง ประกอบกับบริษัทมีการบันทึกค่าใช้จ่ายตามมาตรฐานบัญชีใหม่ ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.02 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราจ่ายปันผล 45.30% ของกำไรสุทธิฯ จ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดรวมทั้งสิ้น 12 ล้านบาท โดยจะทำการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล(Record Date) ในวันที่ 28 ส.ค. 63 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 11 ก.ย. 63
สำหรับทิศทางธุรกิจของบริษัทในช่วงครึ่งหลังปี 63 แนวโน้มเติบโตในเกณฑ์ดี เนื่องจากบริษัทมีโครงการใหญ่ที่คาดว่าจะส่งมอบงานในปีนี้ จำนวน 2-3 โครงการ อาทิ PTT LUBRICANT, HSFC มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท
ขณะที่ไตรมาส 3/63 บริษัทได้รับงานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงของภาครัฐและเอกชนเพิ่ม มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท ปัจจุบันมูลค่างาน Backlog ของบริษัท ณ สิ้นเดือนมิ.ย.63 อยู่ที่ประมาณ 460 ล้านบาท แบ่งเป็นงานจัดจำหน่าย 100 ล้านบาท งานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิง 360 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 50-60% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2564 โดยบริษัทเชื่อว่าจะสามารถรักษาการเติบโตของรายได้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อน และรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 8-10%