กรุงเทพฯ--18 ส.ค.--สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้ามุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้อย่างลงตัวที่สุด โชว์ศักยภาพตอกย้ำความสัมพันธ์กับพันธมิตร มิตซุย ฟูโดซัง ด้วยความสำเร็จจากความร่วมมือในอดีตอย่างต่อเนื่อง 7 ปี ถึง 29 โครงการ จำนวน 23,000 ยูนิต รวมมูลค่า 87,921 ล้านบาท มั่นใจเศรษฐกิจประเทศไทยยังสามารถพลิกฟื้นพร้อมเติบโตต่อไปได้ โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์และคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าของไทยที่มั่นใจว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากลุ่มทุนต่างชาติยังคงเชื่อมั่นในการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศไทยในอนาคตแม้ว่าจะอยู่ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวก็ตาม
คุณชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อนันดาฯ มีความยินดีในความสำเร็จกับบริษัท มิตซุย ฟูโดซัง จำกัด ที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจในการร่วมมือกันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าที่มีคุณภาพที่ผ่านมา โดยได้เริ่มพัฒนาโครงการภายใต้การร่วมทุนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 จนถึงปัจจุบัน มีการพัฒนาโครงการทั้งหมด 29 โครงการ จำนวน 23,000 ยูนิต มูลค่า 87,921 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่ามิตซุย ฟูโดซัง เชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บนทำเลเส้นทางรถไฟฟ้าเป็นอย่างมากเห็นได้จากการร่วมทุนเปิดตัวโครงการอย่างต่อเนื่อง
โดยมิตซุย ฟูโดซัง เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงมากที่สุดด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจากการร่วมทุนที่ผ่านมาทำให้การขับเคลื่อนด้านกลยุทธ์ของบริษัทมีศักยภาพและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นองค์ความรู้และการบริหารจัดการโครงการของมิตซุยฯ ที่มีการสั่งสมประสบการณ์มากกว่า 350 ปี ความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมการออกแบบ และเทคโนโลยีด้านการก่อสร้าง รวมถึงวิทยาการใหม่ๆ อนันดาฯ เดินหน้าต่อในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เทียบเคียงการพัฒนาระดับสากล
ในปีนี้มีโครงการร่วมทุนที่จะแล้วเสร็จและพร้อมโอนทั้งสิ้น 7 โครงการ มูลค่า 29,815 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ แอชตัน อโศก-พระราม 9 โครงการ ไอดีโอ คิว วิคตอรี่ โครงการ ไอดีโอ คิว สุขุมวิท 36 โครงการ ไอดีโอ รัชดา – สุทธิสาร โครงการ ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท อีสต์พอยท์ โครงการ เอลลิโอ เดล เนสท์ และ โครงการ เอลลิโอ สาทร - วุฒากาศ สำหรับอนันดาฯ ในการดำเนินงานท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนยิ่งทำให้ต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ภายใต้แนวคิด “Change The Plan Never The Goal” ยึดมั่นในเป้าหมาย ยืดหยุ่นในวิธีการ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาดและความต้องการของลูกค้า ซึ่งอนันดาฯ ยังคงให้ความสำคัญและเชื่อมั่นในกลยุทธ์การพัฒนาคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักที่บริษัทฯ ริเริ่มเป็นเจ้าแรกและดำเนินการมาโดยตลอด นอกจากนี้บริษัทให้ความสำคัญในการดำเนินงาน เพื่อผลักดันให้บริษัทขับเคลื่อนในสถานการณ์ปัจจุบัน เน้นในเรื่องของการวางกลยุทธ์และแนวทางการสื่อสารแบรนด์ขององค์กร โดยยังคงแนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมือง และตอบทุกความต้องการในการใช้ชีวิต โดยเน้นทำเลที่ตั้งที่สะดวกในการเดินทาง การทำงาน และ Lifestyle ของคนเมืองเพื่อตอกย้ำแนวคิด “URBAN LIVING SOLUTIONS” ครบทุกโหมดในการใช้ชีวิต ทั้ง LIVE – WORK - PLAY ให้คนเมืองใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ อนันดาฯ ยังมีการปรับตัวเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ Ananda iStore การทำตลาดผ่านรูปแบบการขายและบริการออนไลน์ที่อำนวยความสะสวกให้กับลูกค้าได้ง่ายขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่เปลี่ยนไป และเข้าใจความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดีถึงพฤติกรรมการใช้สื่อออนไลน์ที่มีบทบาทมากในสังคมปัจจุบันโดยเฉพาะจะเห็นเด่นชัดมากยิ่งขึ้นในช่วงโควิด บริษัทจึงได้นำมาพัฒนาเป็นหนึ่งกลยุทธ์สำคัญเพื่อปรับตัวรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
โดยประเทศไทยเป็นทำเลยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับการลงทุน ซึ่งได้เปรียบทางภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจเนื่องจากตั้งอยู่ตอนกลางของอาเซียน และยังเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มชาวต่างชาติซึ่งยอมรับว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ด้วยคุณลักษณะดังกล่าวประเทศไทยยังได้รับการยอมรับว่ามีศักยภาพในการเติบโตที่สูงและแข็งแกร่งสำหรับการลงทุนในอนาคตจากบริษัทต่างชาติ ด้วยพื้นฐานเหล่านี้และแรงสนับสนับสนุนดังกล่าว คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้ในไม่ช้านี้
ทั้งนี้ ด้วยความเชี่ยวชาญและมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการที่โดดเด่น ทำให้อนันดาฯ เป็นผู้นำคอนโดมิเนียมทำเลที่ตั้งติดรถไฟฟ้าอันดับหนึ่งของไทย และด้านการออกแบบที่บริษัทได้สะสมประสบการณ์ผ่านกระบวนการคิดสร้างสรรค์และพัฒนามาเป็นอย่างดี จนก่อให้เกิดโครงการที่พักอาศัยที่มีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมและมีเอกลักษณ์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการออกแบบโครงการแนวสูงที่ได้รับการยอมรับของประเทศไทย ประกอบกับกรุงเทพมหานครมีการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง อาทิ ระบบขนส่งมวลชน รวมถึงมีการพัฒนาสู่ความเป็นเมือง (urbanization) ควบคู่ไปกับการเพิ่มของประชากร อนันดาฯ ให้ความสำคัญกับแนวโน้มเหล่านี้จึงได้เริ่มพัฒนาคอนโดมิเนียมคุณภาพในพื้นที่ที่เข้าถึงระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ ก่อนบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่น ๆ
โดยทั้ง อนันดาฯ และ มิตซุย ฟูโดซัง มีปรัชญาร่วมกันด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้าที่ต้องการตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้อย่างลงตัวที่สุด นอกจากการพัฒนาธุรกิจคอนโดมิเนียมแล้ว ยังได้ร่วมกันพัฒนาเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 5 แห่งในกรุงเทพ โดยพร้อมที่จะเปิดดำเนินการในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ คือ LYF SUKHUMVIT 8 และด้วยความสัมพันธ์ที่ดีและจากความสำเร็จในอดีต อนันดาฯจะนำไปสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ซึ่งขณะนี้บางประเทศกำลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็ยังคงต้องเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการแพร่ระบาดครั้งนี้กำลังเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตและการทำงานของทุกคน โดยเห็นแนวโน้มใหม่ๆ เช่น การทำงานทางไกลผ่านระบบต่างๆ และการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นโอกาสในการสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค อนันดาฯ มีจุดแข็งในการรองรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจว่าจะสามารถแข่งขันในตลาดหลังยุคไวรัสโควิด-19 พร้อมพันธมิตรทางธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน