กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--ทีทีดับบลิว
TTW เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 63 รายได้รวม 3,090.8 ลบ. โต 1.3% เตรียมจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.30 บ./หุ้น พร้อมตอกย้ำความสำเร็จได้รับคัดเลือกให้เป็นหุ้นใน “SET50” และ “หลักทรัพย์ ESG100”
บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW ผู้ผลิตน้ำประปาภาคเอกชนรายใหญ่ที่สุด ของประเทศ ในพื้นที่สมุทรสาคร - นครปฐม และปทุมธานี - รังสิต เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก ประจำปี 63 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 3,090.8 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,332.2 ล้านบาท พร้อมเตรียมจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.30 บ./หุ้น
นางสาววลัยณัฐ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2563 ภาพรวมเติบโตดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน ของปีก่อน ภาพรวมในการดำเนินธุรกิจยังคงมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง รายได้หลักยังคงมาจากการจำหน่ายน้ำประปาที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้น้ำของภาคครัวเรือนที่ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
โดยสินทรัพย์รวมของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 มีจำนวน 22,621.0 ล้านบาท หนี้สิน 9,417.4 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 13,203.6 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราส่วนหนี้สิน:ทุนเพียง 0.71 เท่า
จากผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2563 และฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ในปัจจุบัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (Interim dividend) แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท คิดเป็นร้อยละ 82.3 ของกำไรสุทธิ หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 1,197,000,000 บาท ทั้งนี้บริษัทฯ ได้กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 3 กันยายน 2563 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 กันยายน 2563
นางสาววลัยณัฐ ตรีวิศวเวทย์ กล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทฯ ได้รับการประกาศจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ให้เป็นหลักทรัพย์ที่ได้รับการคัดเลือกให้ใช้การคำนวนในดัชนี SET50 / SETHD / SETTHSI (ประกาศเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2563) ตอกย้ำความเป็นหุ้นที่มีเสถียรภาพสูงแม้ในสภาวะที่เศรษฐกิจมีความผันผวน (Defensive Stock) และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง (Dividend Stock)
ทั้งนี้ TTW ได้รับการคัดเลือกให้เข้าอยู่ใน Universe ของกลุ่ม “หลักทรัพย์ ESG100” ในฐานะบริษัทที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance – ESG 100) ต่อเนื่อง 5 ปีติดต่อกัน (ปี 2559-2563) จากสถาบันไทยพัฒน์ (ประกาศเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2563) สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทดำเนินธุรกิจตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีธรรมาภิบาล คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม รวมถึงสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทและสังคม พร้อมมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าของประชาชน และจะไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาเดินหน้าเพื่อยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้น