กรุงเทพฯ--21 ส.ค.--สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับ บุตร – หลาน ของสมาชิกสหกรณ์ โดยมี ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือ ณ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรุงเทพฯ
ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ จัดทำโครงการสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับบุตร – หลาน ของสมาชิกสหกรณ์ภาคการเกษตร เพื่อสนับสนุนให้ได้รับทุนการศึกษาต่อเนื่อง โดยได้เข้าศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และระดับปริญญาตรี (ต่อเนื่อง) ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร โดยมีเป้าหมายว่า เมื่อจบการศึกษาจะได้นำความรู้และเทคโนโลยีที่ศึกษามา ไปพัฒนาสหกรณ์ในชุมชน ในพื้นที่ โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 ปี (ปีการศึกษา 2564 - 2566) ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสให้กับบุตร – หลาน ของสมาชิกสหกรณ์ ให้ได้รับการพัฒนาเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ มีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะในการนำเทคโนโลยีและองค์ความรู้ต่างๆ มาปรับใช้ในการประกอบอาชีพ สามารถนำความรู้กลับไปช่วยพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมของชุมชนให้มีความยั่งยืนต่อไป ทั้งนี้ สถานศึกษาเกษตร สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จะมีการจัดสรรโควตาในการรับทุนให้แก่ นักเรียน นักศึกษา ที่เป็นบุตร – หลาน ของสมาชิกสหกรณ์ โดยเมื่อผู้เรียนจบการศึกษาแล้ว จะเข้าร่วมปฏิบัติงานทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์มีระยะเวลา ไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือเป็นที่ปรึกษาของสหกรณ์เป็นระยะเวลา ไม่น้อยกว่า 5 ปี ตามข้อตกลงของสหกรณ์
ด้าน นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า โครงการ ดังกล่าว ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีการศึกษา 2560 จนถึงปัจจุบันปีการศึกษา 2563 มีบุตร – หลาน ของสมาชิกสหกรณ์ได้รับทุนการศึกษา รวม 10 คน เงินทุนการศึกษาตลอดหลักสูตร เป็นเงิน 2,519,000 บาท (สองล้านห้าแสนหนึ่งหมื่นเก้าพันบาท) ศึกษาในสาขาสัตวแพทยศาสตร์ 4 คน และสาขาสัตวศาสตร์ 6 คน จนสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ซึ่งสามารถสร้างบัณฑิต ที่มีความรู้และทักษะที่พร้อม จะเป็นผู้นำชุมชน และนำความรู้และเทคโนโลยีด้านการเกษตรแนวใหม่ ไปพัฒนาฟาร์มและสหกรณ์ ภาคการเกษตร สหกรณ์ และชุมชน ให้มีความเข้มแข็ง เติบโตอย่างมั่นคง ต่อไป