![NEX แจงซื้อหุ้น “แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี” เสริมแกร่ง ลั่นเป็นเจ้าแรกในไทยผลิตรถไฟฟ้าได้เอง คาดรายได้ปีแรกเฉียด 1 หมื่นลบ.-IRR สูงลิ่ว 18%]()
กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--เน็กซ์ พอยท์
NEX แจงซื้อหุ้น “
แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี” 45% หนุนธุรกิจโตทะยาน หลัง
ลุยรถบัสไฟฟ้าและดีเซล-รถ
มินิบัสไฟฟ้าและ
รถตู้ไฟฟ้า เต็มสูบ ลั่นเป็นผู้ผลิตในประเทศรายแรกที่สามารถประกอบ
รถไฟฟ้าได้เอง เปิดรายได้ปี 64 เฉียด 1 หมื่นล้านบาท กำไร 565 ล้านบาท IRR กว่า 18%
นาย
คณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) NEX เปิดเผยว่า การเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท
แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด (AAB) จากผู้ถือหุ้นปัจจุบัน ได้แก่ About Click Company Limited คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 45% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ AAB คิดเป็นจำนวนเงิน 218.25 ล้านบาท และเงินเพิ่มทุนจดทะเบียนใน AAB ภายหลังจากรายการซื้อหุ้นสามัญข้างต้นอีกจำนวน 67.50 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 285.75 ล้านบาท โดยบริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ขายเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันที่ 7 สิงหาคม 2563
“การเข้าลงทุนใน AAB จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัทฯในอนาคต โดยปัจจุบัน AAB ประกอบธุรกิจ ผลิต ประกอบ และจำหน่าย
รถบัสไฟฟ้า และดีเซล รวมถึงรถ
มินิบัสไฟฟ้าและ
รถตู้ไฟฟ้า โดยมีกำลังผลิตสูงสุดที่ 3,000 คันต่อปี”
นายคณิสสร์ กล่าวว่า NEX ได้เริ่มการประกอบธุรกิจให้บริการ
รถบัสโดยสารให้เช่า (Financial Lease) ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 และล่าสุดได้เข้าลงทุนในบริษัท เบลี่ เซอร์วิส จำกัด เพื่อขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจของบริษัทไปสู่ธุรกิจนำเข้า
รถบัสโดยสาร หรือส่งออกไปยังต่างประเทศ รวมทั้งให้บริการหลังการขาย และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับ
รถบัสโดยสารทุกประเภท รวมทั้งจำหน่ายอะไหล่ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ
รถบัสโดยสาร
“ในการนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ
รถบัสโดยสารของบริษัทให้ครบวงจรมากขึ้น บริษัทได้รับข้อเสนอทางธุรกิจที่น่าสนใจดังกล่าวจาก Mr. Kwan Lai Pheng ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท ของ About Click Company Limited และเล็งเห็นว่าธุรกิจผลิต
รถบัสไฟฟ้า และดีเซล รวมถึงรถ
มินิบัส และ
รถตู้ไฟฟ้า ของ AAB มีความน่าสนใจ และมีศักยภาพ เนื่องจาก AAB เป็นผู้ดำเนินธุรกิจประกอบ
รถบัสและ
รถบัสไฟฟ้า ซึ่งเทคโนโลยีการใช้พลังงานไฟฟ้าจะเป็นเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มการเติบโตได้อีกมากในอนาคต และคาดว่าจะเป็นกระแสความต้องการหลักของโลก เนื่องจากความต้องการลดปัญหาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และความต้องการที่จะลดมลภาวะทางอากาศจากกิจกรรมการขนส่งของโลก”
นอกจากนั้น ณ ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีผู้ผลิตรายใดที่มีศักยภาพในการประกอบ
รถไฟฟ้าได้เอง การใช้งานในปัจจุบันจะเป็นการนำเข้า
รถไฟฟ้าจากต่างประเทศ AAB จะเป็นผู้ผลิตในประเทศรายแรกที่สามารถประกอบ
รถไฟฟ้าได้เอง ดังนั้นบริษัทจึงคาดการณ์ว่าธุรกิจของ AAB มีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมากในอนาคต และสามารถส่งเสริมธุรกิจปัจจุบันของบริษัทให้เติบโตมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับบริษัท อันอาจก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯได้ประมาณการในเบื้องต้นถึงผลประกอบการในปี 2564 – 2573 ของ AAB โดยคาดว่าจะมีรายได้อยู่ในช่วง ประมาณ 3,000-9,000 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ในช่วงประมาณ 60-500 ล้านบาท โดยในปี 2564 คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 9,607.55 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 656.31 ล้านบาท