กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--อินโดรามา เวนเจอร์ส
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล บริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก ร่วมกับ บริษัท ไทยแทฟฟิต้า จำกัด ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาผ้าที่ผลิตจากเส้นด้าย PET รีไซเคิลสำหรับตัดชุด PPE ประเภท Reusable Isolated Gown Level 3 เป็นรายแรกในประเทศไทย สามารถป้องกันเชื้อและการซึมผ่านของน้ำที่มีแรงดัน ซักใช้ซ้ำได้มากกว่า 50 ครั้ง พร้อมส่งมอบจำนวน 500 ชุด ให้กับองค์การเภสัชกรรม เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ใช้ประโยชน์ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่รับมือกับการระบาดของโควิด-19
นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า “องค์การเภสัชกรรม ได้แสวงหาความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน เพื่อจัดหาอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ให้มีใช้อย่างเพียงพอ พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการขาดแคลน จนสามารถพัฒนาเป็นนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ชุด PPE และนวัตกรรมทางการบริหารจัดการรูปแบบการดำเนินงาน หรือ Platform ตลอดห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน ภายใต้ชื่อ 'PPE Innovation Platform นวัตกรรม ชุด PPE ฝีมือคนไทย มาตรฐานสากล’ ดำเนินการภายในประเทศทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การรีไซเคิลขวดพลาสติกชนิด PET นำมาผลิตเป็นเส้นด้ายโดยโรงงานที่ได้มาตรฐานระดับโลก นำมาทอเป็นผ้าและตัดเย็บเป็นชุด PPE ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการป้องกันการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งปัจจุบันสามารถพัฒนาให้มีคุณสมบัติที่ป้องกันเชื้อถึง Level 3 ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการดูแลรักษาผู้ป่วย และซักใช้ซ้ำได้ 50 ครั้ง”
นายริชาร์ด โจนส์ รองประธานอาวุโสด้านสื่อสารองค์กร และความยั่งยืน บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราสามารถใช้ความเชี่ยวชาญของไอวีแอลในการนำขวด PET ที่ใช้งานแล้วเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และภาคภูมิใจที่ได้ร่วมกับไทยแทฟฟิต้าพัฒนาเส้นด้ายคุณภาพสูง สำหรับผลิตชุด PPE Level 3 ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยมีความสามารถในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่งก่อนหน้าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขยะพลาสติกมักถูกมองเป็นมลภาวะ แต่ในวันนี้ได้รับการยอมรับแล้วว่าพลาสติกเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยและความปลอดภัย เราจึงต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องว่า ความจริงแล้วพลาสติกไม่ใช่ตัวการของปัญหา แต่วิธีจัดการพลาสติกหลังจากใช้งานแล้วต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ”
ด้าน นายสุพจน์ ชัยวิไล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยแทฟฟิต้า จำกัด กล่าวว่า “เราได้ร่วมกับไอวีแอลพัฒนาเส้นด้ายให้มีคุณสมบัติที่เหมาะสม ซึ่งเมื่อนำมาผลิตผ้าด้วยนวัตกรรมการทอที่ทันสมัยของไทยแทฟฟิต้า ทำให้เราสามารถผลิตผ้าที่ใช้เส้นด้ายที่ผลิตจากขวด PET รีไซเคิล 100% สำหรับตัดเย็บชุด PPE Level 3 ได้สำเร็จเป็นรายแรกของไทย ซึ่งนับเป็นความก้าวหน้าที่สามารถป้องกันบุคคลากรทางการแพทย์ของไทยให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยชุด PPE 1 ชุดผลิตจากเส้นด้ายที่นำขวด PET ขนาด 600 มิลลิลิตร ประมาณ 18 ขวดไปรีไซเคิล”
ทั้งนี้ ชุด PPE ประเภท Coverall Level 3 ผลิตจากผ้าโพลิเอสเตอร์รีไซเคิล 100% ตัดเย็บเป็น 2 ชั้น เพื่อการป้องกันที่ดีกว่า แต่ยังคงคุณสมบัติสวมใส่สบาย เคลือบพิเศษให้มีคุณสมบัติสะท้อนน้ำ และป้องกันการซึมผ่านของน้ำที่มีแรงดัน (Hydrostatic Pressure) สามารถนำไปซักทำความสะอาด และนำกลับมาใช้ซ้ำได้ใหม่มากถึง 50 ครั้ง ผ่านมาตรฐานป้องกันการซึมผ่านของเลือดและไวรัส เหมาะสำหรับใช้ในการดูแลผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญคือ ชุด PPE ประเภท Reusable Isolated Gown Level 3 ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่นี้ตัดเย็บโดยโรงงานที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา (อย.)
ความสำเร็จดังกล่าวจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถผลิตชุด PPE ที่มีคุณภาพได้เอง โดยไม่ต้องนำเข้าเส้นด้ายรีไซเคิลจากต่างประเทศ และสามารถส่งมอบความช่วยเหลือให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นหน้าด่านสำคัญในการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 พร้อมทั้งเป็นต้นแบบของการใช้ทรัพยากรให้เกิดคุณค่าสูงสุดตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน
เกี่ยวกับ อินโดรามา เวนเจอร์ส
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Bloomberg ticker IVL.TB) เป็นหนึ่งในบริษัทปิโตรเคมีชั้นนำระดับโลก มีโรงงานผลิตครอบคลุมภูมิภาคหลักทั่วโลก ได้แก่ แอฟริกา เอเชีย ยุโรปและอเมริกา โดยมีกลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจ Integrated PET ธุรกิจโอเลฟินส์ ธุรกิจเส้นใย ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemicals) ผลิตภัณฑ์ของไอวีแอลรองรับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลส่วนบุคคล และอุตสาหกรรมยานยนต์ อาทิ ผลิตภัณฑ์ยางในรถยนต์และผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย ปัจจุบันบริษัทฯ มีพนักงานทั่วโลกราว 24,000 คนและมีรายได้จากการขายรวม 11.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 บริษัทฯ เป็นสมาชิกดัชนีดาวโจนส์ (DJSI) และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทยและมีโรงงานทั่วโลก อันได้แก่
ยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี เดนมาร์ก ลิทัวเนีย โปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก ลักเซมเบิร์ก สเปน ตุรกี ไนจีเรีย กานา โปรตุเกส อิสราเอล อียิปต์ รัสเซีย สโลวาเกีย ออสเตรีย
อเมริกา: สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก แคนาดา บราซิล
เอเชีย: ไทย อินโดนีเซีย จีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์ ออสเตรเลีย