![สศก. ลุยโคราช แหล่งระบาดใหญ่ โรคใบด่างมันฯ แนะเกษตรกรหมั่นสังเกต หากพบรีบแจ้ง จนท./ผู้นำชุมชน]()
กรุงเทพฯ--25 ส.ค.--
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
นาง
อัญชนา ตราโช รองเลขาธิการ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ติดตามโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่าง
มันสำปะหลัง จังหวัดนครราชสีมา ว่า จากสถานการณ์การระบาด ของโรคใบด่าง
มันสำปะหลัง ปัจจุบัน (
ข้อมูล ณ 12 สิงหาคม 2563) พบการระบาดใน 29 จังหวัด ได้แก่ พื้นที่ระบาดรวมทั้งสิ้น 442,564 ไร่ โดยจังหวัดที่มีพื้นที่การระบาดมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา สระแก้ว และบุรีรัมย์ ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรและกรมวิชาการเกษตร ได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจและชี้เป้าพื้นที่ระบาด โดยมีมาตรการกำจัดต้น
มันสำปะหลังที่เป็นโรคและแมลงหวี่ขาวยาสูบ ซึ่งเป็นพาหะนำโรค พร้อมชดเชยรายได้ให้กับ
เกษตรกรผู้ปลูก
มันสำปะหลังที่ได้รับผลกระทบในอัตราชดเชยไร่ละ 3,000 บาท ตลอดจนส่งเสริมให้
เกษตรกรใช้ท่อนพันธุ์สะอาด ควบคุมการนำเข้าท่อนพันธุ์จากต่างประเทศและการขนย้ายท่อนพันธุ์ภายในประเทศ รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้
เกษตรกรเพื่อป้องกันกำจัดโรคใบด่าง โดยได้ทำลายแล้ว ด้วยวิธีฝังกลบและราดสารกำจัดวัชพืช การใส่ถุง/กระสอบและตากแดด หรือวิธีบดสับและตากแดดต้น
มันสำปะหลังที่เป็นโรคฯ จำนวน 117,802 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 26.62 ของพื้นที่ระบาดทั้งหมด คงเหลือพื้นที่ระบาด จำนวน 324,762 ไร่ ใน 25 จังหวัด
เมื่อวันที่ 20 - 24 กรกฎาคม 2563 สศก. โดย ศูนย์ประเมินผล ได้ลงพื้นที่ เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการฯ
จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดมากที่สุด จำนวน 280,390 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 63 ของพื้นที่ระบาดทั้งประเทศ โดยอำเภอ ที่มีพื้นที่ระบาดมากที่สุด 3 อำเภอแรก ได้แก่ อำเภอเสิงสาง ครบุรี และหนองบุญมาก
ขณะนี้ หน่วยงานในพื้นที่
จังหวัดนครราชสีมา ได้ทำลาย
มันสำปะหลังทีเป็นโรคใบด่างไปแล้ว จำนวน 38,135 ไร่ ทั้งนี้ คณะทำงานบริหารจัดการโรคใบด่าง
มันสำปะหลังระดับอำเภอ กำลังเร่งดำเนินการทำลายในส่วนที่เหลือ สำหรับเงินชดเชยที่จะจ่ายให้แก่
เกษตรกรนั้น สำนักงบประมาณกำลังพิจารณาอนุมัติ อย่างไรก็ตาม
เกษตรกรควรหยุดพักการปลูก
มันสำปะหลังหลังจากการทำลายไปแล้ว สัก 3 - 4 เดือน หรืออาจปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชทดแทน เพื่อตัดวงจรการระบาดของโรค
ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเน้นสร้างการรับรู้ให้
เกษตรกรตระหนักถึงความสำคัญและให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดย
เกษตรกรสามารถสังเกตอาการของโรคใบด่างฯ ได้ด้วยตนเอง ซึ่งต้น
มันสำปะหลังที่เป็นโรค จะมีใบด่างเหลือง ใบลดรูป และเสียรูปทรง ลำต้นแคระแกร็น และไม่มีการเจริญเติบโต หรือมีการเจริญเติบโตน้อย โดยหาก
เกษตรกรพบหรือสงสัยว่า
มันสำปะหลังที่ปลูกเป็นโรคใบด่างฯ ให้รีบติดต่อผู้นำชุมชน (กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน) หรือนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรประจำตำบล เพื่อวินิจฉัยโรค และหากพบเป็นโรคใบด่างฯ เจ้าหน้าที่จะชี้แจงขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการฯ และการเตรียมหลักฐานประกอบการขอรับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการต่อไป
ทั้งนี้ สศก. โดย
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 5
จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดทำแนวทางการบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจระดับภาคและการวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจสินค้าเกษตร เพื่อเสนอทางเลือกการผลิตพืชหรือการดำเนินกิจกรรมที่เหมาะสมตามเขตความเหมาะสมพื้นที่ ทั้งระดับภาคและระดับจังหวัด ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้นำไปใช้ประโยชน์เพื่อแนะนำทางเลือกให้กับ
เกษตรกร นอกจากนี้ สศก. จะมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้โครงการฯ บรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป