กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
สสว. ร่วมกับ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา จัดงาน “สสว. Connext 40 ปีหอการค้าโคราชแฟร์” ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพและช่องทางการตลาดเชิงลึกสำหรับผู้ประกอบการ SME ปีงบประมาณ 2563 ระหว่างวันที่ 27 - 30 สิงหาคม 2563 ณ Hall 1 ชั้น 4 ศูนย์การค้า Terminal 21 โคราช
นางสาวนิธิวดี สมบูรณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายประสานเครือข่ายผู้ให้บริการ SMEs สสว. กล่าวว่า สสว. ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย และแผนงาน โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ซึ่งถือเป็นกลไกหลักของการเสริมสร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งด้านการสร้างรายได้ และการจ้างงาน สสว.ได้กำหนดแนวทางและแผนการส่งเสริม SMEs โดยให้ความสำคัญกับการยกระดับขีดความสามารถของ SMEs ให้เติบโตเข้มแข็ง และสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ผ่านแนวคิดการสร้างคุณค่าและมูลค่าให้สินค้าและบริการ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ในด้านต่างๆ
และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนทั่วไป ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) การออกจากบ้านเฉพาะที่มีความจำเป็น การใส่ใจดูแลสุขภาพ และการเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ พฤติกรรมเหล่านี้จะกลายเป็นความปกติใหม่ หรือ New Normal ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักสู่ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในทุกภาคส่วน จำเป็นต้องปรับตัวให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และมองหาโอกาสจากวิกฤตดังกล่าว
ดังนั้น สำนักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จึงเล็งเห็นในความสำคัญของสถานการณ์ดังกล่าว และร่วมมือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพและช่องทางการตลาดเชิงลึกสำหรับผู้ประกอบการ SME ปีงบประมาณ 2563 เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ SME โดยเฉพาะผู้ประกอบการ MSME ให้ได้รับความรู้ด้านการตลาดสมัยใหม่ เพื่อฟื้นฟู รองรับการแข่งขันทางธุรกิจที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น และเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ต่างๆ
ทั้งนี้ การจัดงานแสดงสินค้าภายใต้โครงการดังกล่าว จะจัดขึ้นจำนวนทั้งสิ้น 6 ครั้ง ใน 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดกระบี่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งจังหวัดนนทบุรี ได้จัดงานเป็นจังหวัดแรกในช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สำหรับจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอื่นๆ อีก 4 จังหวัดจะจัดงานในช่วงเวลาใกล้เคียงกันซึ่งจะเป็นช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ โดยสสว. เชื่อมั่นว่า ความร่วมมือในการจัดงานในครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง
นางสุบงกช วงศ์วิชยาภรณ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หอการค้าไทย กล่าวว่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้ร่วมกับ สสว. รวมทั้งหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนในการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพและช่องทางการตลาดเชิงลึกสำหรับผู้ประกอบการ SME ปีงบประมาณ 2563 เพื่อสร้างองค์ความรู้ด้านการตลาดสมัยใหม่ สร้างรายได้ เพิ่มพันธมิตรทางการค้าและเครือข่ายทางธุรกิจส่งเสริมศักยภาพ สร้างเสริมขีดความสามารถ และเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ SME เนื่องจาก SME มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย เพราะสามารถสร้างมูลค่าแก่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล ทั้งการสร้างงาน สร้างมูลค่าเพิ่ม
สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะองค์กรภาคเอกชน ตระหนักถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมของ SME เพื่อรองรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง และการแข่งขันทางธุรกิจในปัจจุบันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการกลุ่มไมโครเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการสร้างนวัตกรรม จึงให้ความสำคัญในการผลักดันการพัฒนาทักษะความเป็นผู้ประกอบการในหลายด้าน อาทิ ความรู้ความสามารถด้านบริหารจัดการ ความรู้ด้านการตลาด และการจัดจำหน่าย เพื่อตอบสนองกับความต้องการของตลาด รวมทั้ง การต่อยอดทางธุรกิจเพื่อเพิ่มโอกาสและความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการอย่างแท้จริง
นายชัชวาล วงศ์จร ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา จัดงาน “สสว. Connext 40 ปี หอการค้าโคราชแฟร์” ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพและช่องทางการตลาดเชิงลึกสำหรับผู้ประกอบการ SME ปีงบประมาณ 2563 ระหว่างวันที่ 27 - 30 สิงหาคม 2563 ณ Hall 1 ชั้น 4 ศูนย์การค้า Terminal 21 โคราช ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมศักยภาพของกลุ่มผู้ประกอบการ SME ผลักดันให้ผู้ประกอบการ SME ได้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงขยายทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการจับจ่ายใช้สอยและรับรู้ถึงสินค้าของผู้ประกอบการ SME ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในจังหวัดนครราชสีมาให้ฟื้นกลับมาสู่ภาวะที่ดีขึ้นหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกด้วย
สำหรับงานในครั้งนี้ มีผู้ประกอบการ SME ที่ได้ผ่านการคัดสรรนำสินค้าที่มีคุณภาพมาจำหน่ายภายในงาน กว่า 150 คูหา ซึ่งเป็นสินค้า/ร้านค้าเด่นที่มีเอกลักษณ์และเป็นของดีของจังหวัด โดยเฉพาะสินค้าอาหารที่ขนของเด็ดและดังของเมืองโคราช มากกว่า 100 คูหา อาทิ ผัดหมี่โคราช ส้มตำ ไก่ย่าง ขนมจีน เนื้อโคขุนย่าง ซี่โครงหมูย่าง ข้ามหอมมะลิ ข้าวไรเบอรี่ปลอดสารพิษ อาหารทะเลแปรรูปจาก จ.ระยอง นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ผ้าไหม เสื้อผ้าสำเร็จรูป สมุนไพร ขนม และเบเกอรี่ เป็นต้น ให้ทุกท่านได้มาสัมผัสอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมภายในงานที่เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจ และงานอบรมสัมมนาให้ความรู้ในหัวข้อด้านการตลาด เพื่อสร้างองค์ความรู้ด้านการตลาดสมัยใหม่ สร้างรายได้เพิ่มพันธมิตรทางการค้าและเครือข่ายทางธุรกิจส่งเสริมศักยภาพ สร้างเสริมขีดความสามารถ และเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ SME
นายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้เป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อจังหวัดนครราชสีมา เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการท่องเที่ยว หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย อีกทั้ง เป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการในศูนย์การค้าเทอร์มินอล ทเวนตี้วัน โคราช หลังประสบเหตุกราดยิงให้กลับมาคึกคัก ตลอดจนสร้างคุณประโยชน์ให้กับจังหวัดนครราชสีมา ให้สามารถต่อยอดสินค้าและเพิ่มมูลค่าได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะเศรษฐกิจการค้า และการท่องเที่ยว