ETDA โชว์ผลงานเด่น ปี 63 พร้อมเผยก้าวต่อไป ตั้งเป้าภายในปี 65 พาคนไทย Go Digital with ETDA ครอบคลุมบริการดิจิทัลที่สำคัญ ทุกคนเชื่อมั่นและเข้าถึงได้

ข่าวเทคโนโลยี Friday August 28, 2020 17:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--เดอะ โมเมนโต้ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดงาน “Go Digital with ETDA” โชว์ผลงานเด่นปี 63 และนโยบายก้าวต่อไปในอนาคต กับภารกิจสำคัญที่จะพาคนไทยโกดิจิทัลไปกับเอ็ตด้า ด้วยการส่งเสริมและพัฒนาบริการพื้นฐานด้านดิจิทัล (Common Service) ที่สำคัญ ณ ห้องประชุม Walk the Talk ชั้น 15 ของ ETDA เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2563 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ“Future of Digital Economy and Society”ว่า วันนี้ประเทศไทยและทั่วโลกก้าวสู่ยุคดิจิทัลไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำจากวันนี้คือการพัฒนากฎหมายไปข้างหน้าวิเคราะห์ว่าจะเกิดขึ้นอะไรในอนาคต เพื่อปกป้องดูแลผลประโยชน์ของคนไทย ซึ่ง ETDA เป็นหน่วยงานสำคัญในการพัฒนากฎหมายและมาตรฐานของบริการดิจิทัลต่าง ๆ ที่รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต นอกจากนี้ ประเทศไทยต้องมีThailand Single Platformเพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในลักษณะแบบเป็นศูนย์กลางที่เข้าถึงง่าย โดยนำระบบดิจิทัลมาใช้พัฒนา เพื่อให้การแก้ไขปัญหาทำได้เร็วขึ้น อีกเรื่องคือการพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลไอดีที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ส่งเสริมบริการออนไลน์ให้มีน่าเชื่อถือ ผ่านการพิสูจน์และยืนยันตัวตนโดยไม่ต้องเดินทางและเสียเวลาการลงทะเบียนใหม่ซ้ำ ๆ กัน ซึ่งกระทรวงฯ กำลังจะประสานให้ทุกหน่วยมาร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มกลางสำหรับบริการประชาชน รวมทั้งการป้องกันระวังภัยคุกคามทางออนไลน์ (Online Fraud Prevention)ที่ต้องยกระดับการเฝ้าระวังป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ให้กับหน่วยงานภาครัฐให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น "วันนี้คนไทยพร้อมใช้ดิจิทัล ภาครัฐจะต้องพร้อมให้บริการประชาชน"นายพุทธิพงษ์ กล่าว ด้าน นายชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA (เอ็ตด้า)เปิดเผยว่า ETDA มีเป้าหมายสำคัญคือ “Go Digital with ETDA” หรือการเป็นองค์กรขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ด้วยธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์โดยสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างเท่าทันกับสถานการณ์โลก ภายใต้บทบาทหน้าที่หลักคือการส่งเสริมให้เกิดการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์สร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนผลักดันการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างบูรณาการ และสุดท้ายคือการกำกับดูแลธุรกิจบริการดิจิทัลสร้างความน่าเชื่อถือ รองรับการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ด้วยงานสำคัญทั้งการกำกับดูแลธุรกิจบริการด้านดิจิทัล พัฒนามาตรฐานและกฎหมายด้านดิจิทัล การพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลไอดี การป้องกันการหลอกลวงทางออนไลน์ และการพัฒนาความพร้อมของคนดิจิทัล ทั้งนี้ ใน ปี 2563 ETDA ได้ส่งมอบงานสำคัญผ่าน 5 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการDigital Governanceเพื่อให้ทุกภาคส่วนใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมั่นใจ มีกลไกกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ ผ่านกฎหมายและมาตรฐานสำคัญๆ เช่นร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.Digital ID) รองรับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลส่งเสริมธุรกิจเกี่ยวกับดิจิทัลไอดี เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่เชื่อถือได้ สะดวก รวดเร็ว และร่าง พ.ร.ฎ. ว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจการให้บริการออกใบรับรองเพื่อสนับสนุนลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์(CA)รวมทั้งการออกข้อเสนอแนะฯ มาตรฐานแนวทางการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลาย ลดความเสี่ยง รวมถึงผลักดันเรื่องระบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือ e-Meeting ทั้งการออกกฎหมายและมาตรฐานในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยปลดล็อกกฎหมายที่มีอยู่เดิม และช่วยรับรองผู้ให้บริการระบบประชุม เพื่อให้ผู้ใช้เกิดความเชื่อมั่นในระบบที่ใช้งานด้วย พร้อมเปิดDigital Service Sandboxเพื่อทดสอบการใช้นวัตกรรมหรือบริการดิจิทัลใหม่ ๆ ให้สอดคล้องข้อกฎหมาย หรือมาตรฐานต่าง ๆ ก่อนการใช้งานจริง 2.โครงการSpeed-up e-Licensingเร่งเครื่องระบบดิจิทัลในบริการภาครัฐ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและให้ภาคธุรกิจและประชาชนได้รับบริการที่รวดเร็ว โดยการพัฒนาบริการของรัฐให้เป็นบริการดิจิทัลผ่านโครงสร้างข้อมูล (Schema)การออกใบอนุญาตหรือเอกสารหลักฐานของภาครัฐให้เป็นระบบดิจิทัลพร้อมสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นกับบริการดิจิทัลของเอกชน ด้วยการตรวจประเมินรับรองระบบสารสนเทศและการใช้บริการe-Timestampingประทับรับรองเวลาของ e-Document 3.โครงการDigital Transformationให้ภาครัฐมีระบบดิจิทัลที่มั่นคงปลอดภัย ห่างไกลภัยไซเบอร์ ด้วยโครงการGovernment Threat Monitoring System (GTM)เฝ้าระวังภัยไซเบอร์ให้กับหน่วยงานรัฐ พร้อมเตรียมพัฒนาแพลตฟอร์ม Threat Watch ยกระดับการเฝ้าระวังให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 4. โครงการ Thailand e-Commerce Sustainabilityลดเหลื่อมล้ำ เพิ่มรายได้ ด้วยอีคอมเมิร์ซ อย่างยั่งยืน ผ่านความร่วมมือกับเครือข่ายลงพื้นที่พัฒนาศักยภาพอีคอมเมิร์ซชุมชนทั่วประเทศ รวมถึงการพัฒนาหลักสูตรด้านอีคอมเมิร์ซ ปูทางความพร้อมให้กับนักเรียน (ทสรช.) นักศึกษา (มศว, เอแบค ฯลฯ) เพื่อป้อนตลาดแรงงานยุคดิจิทัล เปิดหลักสูตรออนไลน์เพื่อให้คนไทยเรียนรู้ได้ผ่านแพลตฟอร์มของ ETDA และสำนักงาน ก.พ. พร้อมผลักดันแผนธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อกำหนดทิศทางพัฒนาให้ทุกภาคส่วน ตลอดจนเดินหน้าสำรวจการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทย มูลค่าอีคอมเมิร์ซประเทศไทย และสถิติต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับไปวางแผนการตลาด และสร้างโอกาสในการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ได้ 5. โครงการ Stop e-Commerce Fraudทั้งคุ้มครองผู้บริโภคออนไลน์เชิงรุกผ่านการนำเครื่องมือ Social Listening วิเคราะห์ข้อมูลในโลกออนไลน์เพื่อนำมาแจ้งเตือนภัยก่อนเกิดเหตุหรือลุกลาม และการจัดอบรมและเสริมสร้างความสามารถด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องและประชาชนที่สนใจเพื่อให้ประเทศไทยมีกำลังคนด้านไซเบอร์เพิ่มขึ้น นายชัยชนะกล่าวเพิ่มเติมว่า “นโยบายและแผนการดำเนินงานก้าวต่อในปี 64”ETDA จะเดินหน้าดำเนินงานผ่าน 3 โครงการที่จะยกระดับการขับเคลื่อนจากปี 63 ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นดังนี้ 1. การนำการขับเคลื่อนธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยการสร้างกลไกขับเคลื่อนธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของของประเทศผ่านแผนยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานด้านมาตรฐาน พร้อมผลักดันแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับธุรกรรมฯให้ทุกภาคส่วนนำไปกำหนดแนวทางการพัฒนาในทิศทางเดียวกัน พร้อมจัดการสำรวจวิจัยที่ทำให้มองภาพอนาคต (Foresight) ชัดเจนขึ้น สู่การกำหนดนโยบาย ทิศทางการดำเนินธุรกิจ และการทำการตลาด รวมถึงเสริมสร้างทักษะด้านอีคอมเมิร์ซ เพื่อพัฒนากำลังคนตอบโจทย์ความต้องการของตลาดยุคดิจิทัล ไปพร้อมๆ กับการคุ้มครองผู้บริโภคที่ยกระดับการคุ้มครองโดยการสร้างระบบเชื่อมโยงข้อมูลกับเครือข่าย ทำให้การคุ้มครองมีความรวดเร็วขึ้น 2. การเร่งเครื่องกลไกดูแลธุรกิจดิจิทัลด้วยการจัดทำหลักเกณฑ์ กฎหมาย มาตรฐาน รวมถึงแนวปฏิบัติในการดูแลธุรกิจดิจิทัลและบริการที่สำคัญ ๆ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในการใช้บริการธุรกิจบริการด้านดิจิทัลที่เปิดให้บริการไปแล้ว และกำลังจะเปิดให้บริการ เช่น บริการด้าน e-Meeting บริการด้าน Digital ID ด้วยระบบการตรวจประเมินที่มีมาตรฐาน 3. การเสริมฐานรากแพลตฟอร์มดิจิทัลของรัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม ผู้ประกอบการและประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว มั่นใจ ปลอดภัย ด้วยการพัฒนาแบบจำลองมาตรฐานและแบบจำลองข้อมูล (Data Model) แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน สนับสนุนศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางภาครัฐ จัดทำมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ Digital ID และ e-Signature สร้างความพร้อม ความตระหนัก แก่บุคลากรภาครัฐ ผ่านการอบรม พร้อมให้บริการเฝ้าระวัง ตอบสนองและจัดการภัยคุกคามไซเบอร์ให้กับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและบริการออนไลน์ของหน่วยงานภาครัฐ “จากการดำเนินงานข้างต้น ETDA ตั้งเป้าไว้ว่า ภายในปี 65 ประเทศจะต้องมีภูมิทัศน์ด้านบริการดิจิทัลที่ได้มาตรฐาน หรือ Digital Services Landscape ที่ครบถ้วน เพื่อเป็นทิศทางการพัฒนาประเทศ รวมถึงเกิดระบบนิเวศ Digital ID หรือ Digital ID Ecosystem สำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำไปสู่การใช้งาน Digital ID ในวงกว้าง และหน่วยงานรัฐจะต้องมีระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Service และระบบสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-office ภายใต้มาตรฐาน กฎเกณฑ์ และการขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นจริงของ ETDA ที่จะพาทุกภาคส่วน Go Digital ไปพร้อมกัน” นายชัยชนะ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ