กรุงเทพฯ--2 ก.ย.--ไออาร์ พลัส
ซินเน็คฯ แม่ทัพใหญ่ไอที ประเมินครึ่งปีหลัง ภาพรวมธุรกิจไอทีโตแรง รับปัจจัยบวกกำลังซื้อฟื้นเข้าสู่ไฮซีซั่นธุรกิจ และสินค้าใหม่ทยอยเปิดตัว รับอานิสงส์เทคโนโลยี 5G เข้ามากระตุ้นตลาดสมาร์ทโฟน และสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ให้คึกคัก ขณะที่ สินค้ากลุ่ม Work From Home และสินค้ากลุ่มเกมมิ่ง ยังสดใสต่อเนื่อง หลังจับมือบิ๊กแบรนด์ขยายพอร์ต “สุธิดา มงคลสุธี” แม่ทัพหญิง มองสินค้าเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ แม้ในช่วงวิกฤติ แต่ยังเป็นที่ต้องการสูงในกลุ่มผู้บริโภค โดยซินเน็คฯ มีจุดแข็งในฐานะผู้นำตลาดที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าและพันธมิตร มีแบรนด์ที่หลากหลายกลุ่มทำให้สามารถบริหาร Product Mix ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่บริการหลังการขายที่ครบวงจร และเตรียมจับมือพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำรายใหม่เข้ามาเสริมพอร์ตต่อเนื่องอีก 2-3 แบรนด์ในปีนี้
นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SYNEX) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไอทีชั้นนำระดับโลกหลากหลายประเภท เปิดเผยถึง แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง ปี 2563 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง และคาดจะเติบโตกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ สำหรับปีนี้ได้อานิสงส์จาก 5G เข้ามาขับเคลื่อนสินค้าไอที และสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ สร้างฐานการเติบโตของรายได้และกำไรให้เติบโตยิ่งขึ้น เนื่องจากสินค้ากลุ่มดังกล่าวมีอัตรากำไรสูง รวมทั้ง อานิสงส์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนแบรนด์ชั้นนำ และไอโฟน ที่สามารถรองรับเทคโนโลยี 5G รองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสมาร์ทยิ่งขึ้น
ประกอบกับ ความต้องการสินค้าไอที แอสเซสเซอรี่ และสินค้ากลุ่มเกมมิ่ง ยังคงเป็นที่ต้องการสูงต่อเนื่องจากช่วง Work from Home ประกอบกับ กลยุทธ์การขยายตลาดไปยังช่องทางออนไลน์ โดยในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตสูงมาก และมองว่าพฤติกรรมลูกค้าจะเปลี่ยนมาซื้อสินค้าออนไลน์ต่อเนื่อง รับพฤติกรรมใหม่ New Normal Lifestyle เป็นผลบวกต่ออัตรากำไรบริษัทฯ ให้ปรับสูงขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ ซินเน็คฯ มีความแข็งแกร่งในฐานะดิสทริบิวเตอร์ไอทีอันดับหนึ่งของประเทศไทย ทำให้มีความเข้มแข็งในการบริหารแบรนด์สินค้าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เพิ่มความเชื่อมั่นให้ลูกค้าและพันธมิตร รวมถึง การได้รับแต่งตั้งให้เป็น Sole Distributor แบรนด์ชั้นนำระดับโลกหลากหลายแบรนด์ และหลากหลายสินค้าในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ แบรนด์เกมมิ่ง RAZER และ EPOS สนับสนุนให้ซินเน็คฯ เป็นผู้นำการจัดจำหน่ายสินค้าเกมมิ่งเกียร์อันดับ 1 ของประเทศ ซึ่งมีทิศทางการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้ง แบรนด์สินค้าเทคโนโลยีไลฟ์สไตล์ Fuji Instax เข้ามาเสริมความเข้มแข็งในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และเตรียมจับมือเป็นพันธมิตรแบรนด์ใหม่เสริมพอร์ตอีกราว 2 - 3 แบรนด์ในช่วงที่เหลือของปีนี้
“ความต้องการของสินค้าไอทีในช่วงครึ่งปีหลังยังแรง ทั้งการเติบโตของสินค้ากลุ่ม PC และ Note Book ที่เติบโตต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 2 รวมทั้ง สินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟน สมาร์ทดีไวซ์ และแอสเซสเซอรี่ จะเติบโตย่างก้าวกระโดดได้ เนื่องจากโอเปอเรเตอร์เปิดตัว 5G สนับสนุนสินค้ากลุ่มที่ทำงานร่วมกับดีไวซ์ที่รองรับ 5G มีโอกาสจะถูกผลิตและเปิดตัวออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น Mobile Office , Smart Home , Fitness&Health , Entertainment และ Easy Travel เป็นโอกาสของซินเน็คฯ ในการขยายตลาดเพิ่มขึ้นได้อีกมาก และเป็นสินค้าที่มาร์จิ้นค่อนข้างดี ขณะที่ สินค้ากลุ่มเกมมิ่ง มีโอกาสเติบโตสูงตามเทรนด์โลก ซึ่งซินเน็คฯ เป็นตัวแทนรายใหญ่สุดของประเทศไทยในสินค้ากลุ่มเกมมิ่งเกียร์ให้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก” นางสาวสุธิดา กล่าว
สำหรับเป้าหมายการเติบโตปี 2563 ซินเน็คฯ ตั้งเป้าเพิ่มความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่นขึ้น โดยผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือนของปี 2563 มีรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 16,024 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 298 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 1.7 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ในช่วงไตรมาสแรกของปี แต่ยอดขายฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาสสองภายหลังจากการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ และคาดจะดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะที่ ในช่วงไตรมาส 2/2563 การเติบโตของกำไรสูงกว่ารายได้ โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 166 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 รายได้จากการขายและให้บริการ 8,693 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก สินค้าไอทีได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม Work From Home ได้แก่ Notebook, iPad, อุปกรณ์ Home Networking และ VDO จากสถานการณ์ COVID-19 กระตุ้นความต้องการซื้อ ควบคู่กับยอดขายออนไลน์ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด สนับสนุนความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น รวมถึง สัดส่วนรายได้จากสินค้า Apple เพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท กำหนดวันที่จ่ายปันผล 8 กันยายน 2563 เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา