กรุงเทพฯ--8 ก.ย.--เดอะ มาร์คอม โปร
โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล, แบงค็อก เป็นโรงแรมแห่งแรกของโลกที่ได้ประกาศนียบัตรคะแนนเต็มร้อยด้านการจัดการขยะอาหารจาก The PLEDGE องค์กรที่มีสำนักงานใหญ่ที่ประเทศสิงคโปร์ที่ช่วยธุรกิจบริการลดขยะจากอาหารเหลือทิ้งได้อย่างเห็นผล
ประกาศนียบัตรที่โรงแรมได้รับมาจากผลการจัดการขยะของ เรนทรี คาเฟ่ ที่นำแนวทางปฎิบัติและข้อบังคับทั้งหมดไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพระหว่างการประเมิน และได้คะแนน 100 ซึ่งเป็นคะแนนระดับสูงสุด
Audit Diagnostic Solutions Tourism เป็นผู้ประเมินการจัดการขยะอาหารของ เรนทรี คาเฟ่ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2563 ผ่านการเยี่ยมชมทางไกล และสังเกตการณ์ส่วนต่าง ๆ ของห้องอาหารก่อนหมดกะพนักงาน พนักงานผู้ตรวจสอบคือ Nicolas Dubrocard ที่ติดต่อเข้ามาประเมินผ่านทางหัวหน้าพ่อครัวใหญ่ของโรงแรม Jakub Mares และมีการประกาศผลการประเมินไปเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา
เกณฑ์การประเมินครบคลุมเอกสารการลงบันทึกกระบวนการ ความมุ่งมั่นตั้งใจของพนักงาน ระบบเฝ้าระวังขยะอาหาร การจัดการอาหารก่อนการเตรียม การเตรียมอาหารและการเสิร์ฟ การมีส่วนร่วมของแขก และระบบจัดการขยะอาหารหลังการรับประทาน
สถิติจากทั่วโลกแสดงว่า 33 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนอาหารที่ผลิตขึ้นทั้งหมดกลายเป็นขยะหรือของเหลือทิ้ง ซึ่งการกำจัดขยะอาหารเป็นเป้าหมายที่ 2, 12 และ 13 ของการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยสหประชาชาติ ที่เกี่ยวเนื่องกับการกำจัดความหิวโหย ลดการสร้างขยะ และบรรเทาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก
ประกาศนียบัตร The Pledge เป็นพัฒนาการล่าสุดในนโยบายด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืนสำหรับ โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล
โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล คือโรงแรมแห่งแรกในของโลกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 20121 ในด้านการจัดอีเวนท์อย่างยั่งยืน และเป็นโรงแรมแรกในประเทศไทยที่ผ่านการประเมินแนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานภาคสมัครใจสำหรับผู้ประกอบการ (Safety & Health Administration (SHA)) จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จากความมีมาตรฐานสูงในด้านความสะอาด สุขอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคม
“ในช่วงเวลาที่ธุรกิจโรงแรมและบริการทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการจำกัดการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เราพยายามอย่างที่สุดเพื่อให้แขกที่มาเข้าพักมั่นใจว่ามาตรการด้านสุขภาพและความปลอดภัยคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการบริการของเรา และการดำเนินการทุกอย่างในโรงแรมตั้งอยู่บนพื้นฐานของความยั่งยืนและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ชูเลง โก ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล กล่าว
“เรายังไม่หยุดอยู่เท่านี้ และความพยายามที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่องของเราทำให้เราได้รับประกาศนียบัตรจาก The Pledge ในด้านการลดขยะอาหาร ขณะนี้เราสามารถมอบมาตรฐานการบริการที่สูงที่สุดให้แก่แขกในประเทศไทยของเรา และเมื่อเราได้มีโอกาสต้อนรับนักเดินทางจากต่างประเทศอีกครั้ง เราก็พร้อมที่จะให้ความมั่นใจแก่แขกที่มาจากต่างประเทศว่า สุขอนามัย ความปลอดภัยและความยั่งยืน คือหัวใจของการบริการของเรา”
The PLEDGE คือประกาศนียบัตรที่พิจารณาจาก 95 เกณฑ์ เพื่อลดขยะอาหารและต้นทุนจากอาหาร ที่ออกแบบขึ้นจากความรู้และประสบการณ์ตรงของนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน เพื่อเป็นทางออกให้กับวิกฤตการณ์ขยะอาหารที่ประชาคมโลกส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักถึงความร้ายแรง
การประเมินโดยบุคคลที่สามเป็นไปตามเกณฑ์การให้คะแนนทั้งเก้า ที่รวมไปถึงความตระหนักรู้ของพนักงาน การนำระบบการเฝ้าระวังขยะอาหารไปใช้ และความร่วมมือของแขกในการลดอาหารเหลือบนจาน ซึ่งแนวทางการเฝ้าระวังขยะอาหารของโรงแรม ได้รับการประเมินว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับมาตรการจัดการอาหารเสียและขยะอาหารของสหประชาชาติ
โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ที่มีแพลทฟอร์มด้านความยั่งยืนและผลกระทบต่อสังคมเป็นของตัวเองนั่นก็คือ Serve 360 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างเพื่อนร่วมธุรกิจ แบรนด์ ลูกค้า ผู้ซื้อแฟรนไชส์ แขก เจ้าของโรงแรม ซัพพลายเออร์ และหุ้นส่วนทางธุรกิจ เพื่อเป็นแพลทฟอร์มที่มุ่งมั่นลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการประกอบธุรกิจบริการและโรงแรม นำแนวทางปฎิบัติเพื่อความยั่งยืนไปใช้ในทุกส่วนขององค์กร สร้างความรับผิดชอบต่อกลุ่ม และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับชุมชนในพื้นที่ที่โรงแรมเข้าไปประกอบธุรกิจ ทำให้ขยะอาหารลดลง 50 เปอร์เซ็นต์และกากของเสียลดลง 45 เปอร์เซ็นต์ทั่วทั้งเครือแมริออท
ในขณะนี้ โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล ลดจำนวนขยะอาหารลงได้เหลือเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนอาหารทั้งหมดที่ใช้ และทางโรงแรมกำลังพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อกำจัดกากของเสียให้ได้เป็นศูนย์ ด้วยการลดการสูญเสียอาหารจากการจัดซื้อจัดหา และพัฒนามาตรการลดขยะ ร่วมกับพันธมิตรเช่น Scholars of Sustenance (SOS) และที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม LightBlue
เรนทรี คาเฟ่ ประสบความสำเร็จอย่างน่าภาคภูมิใจ เมื่อกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากวิกฤตโควิด-19 กับแนวคิดบุฟเฟต์ แบบ chef-to-table ที่ให้แขกรับประทานอาหารได้อย่างไม่รู้สึกผิดเพราะการจัดการที่ลดขยะอาหารให้เหลือน้อยที่สุด
แนวคิดคือการนำบุฟเฟต์ไปหาแขก แทนที่จะให้แขกเดินไปที่ไลน์บุฟเฟต์ อาหารทั้งจานร้อนและจานเย็น รวมไปถึงขนมหวานจะถูกเสิร์ฟโดยรถเข็น ในขณะที่สเตชั่นประกอบอาหารมีเชฟคอยบริการปรุงอาหารจากรถเข็นข้าง ๆ โต๊ะของแขก
โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล ยังร่วมมือกับ SOS องค์กรจัดการอาหารและการบริจาค ที่นำอาหารที่เหลือจากการจัดเลี้ยงไปบริจาคให้กับบ้านเด็กกำพร้าในกรุงเทพฯ
การนำขยะอาหารไปบริจาคสามารถทำได้จริงและเกิดประโยชน์มากมาย ซึ่ง เรนทรี คาเฟ่ ได้ทำการแยกขยะอาหารเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อ เช่นการนำเปลือกหอยนางรมไปบริจาคให้กับเกษตรเพื่อทำอาหารไก่ ช่วยเพิ่มแคลเซียมและทำให้ไข่และเนื้อไก่ที่ได้มีคุณภาพดีขึ้น เปลือกไข่สามารถนำไปทำปุ๋ยอินทรีย์ได้ดี ช่วยปรับปรุงคุณภาพดินและเพิ่มผลผลิต เปลือกของสับปะรดที่อุดมไปด้วยยีสต์และแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตเมื่อนำไปหมักหลายๆ สัปดาห์จะกลายเป็นน้ำส้มสับปะรดรสชาติดี เปลือกผลไม้สามารถนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์เอ็นไซม์ที่ใช้ทำความสะอาด หรือผลไม้ที่เหลือจากการรับประทานยังสามารถนำไปทำแยมผลไม้ นอกจากนี้ไขมันจากน้ำมันเบคอนและมะพร้าวยังสามารถนำไปทำเทียนได้อีกด้วย
ผู้ตรวจสอบจาก The PLEDGE ยังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความมุ่งมั่นตั้งใจของพนักงาน เรนทรี คาเฟ่ ว่า “ยอดเยี่ยมและจัดการได้ดี” พนักงานได้รับข้อมูลและการฝึกอบรมที่จำเป็น รวมไปถึงการใช้ผลผลิตจากเกษตรกรในประเทศ และการให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้าวอินทรีย์แก่แขกที่มารับประทานอาหาร รายละเอียดบางส่วนยังถูกหยิบยกขึ้นมาชื่นชมเป็นพิเศษ เช่นการนำวัตถุดิบที่มักถูกมองว่าเป็นของเหลือมาใช้ประกอบอาหาร และการเสิร์ฟเมนูอะลาคาร์ทแบบครึ่งจานสำหรับเด็ก
“โรงแรมของเราให้บริการด้านอาหารและเครื่องดื่ม การลดขยะอาหารจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งเราทุกคนมุ่งมั่นที่จะทำตามหน้าที่ของเราเพื่อประโยชน์แก่สังคม สิ่งแวดล้อม และในเรื่องของการลดต้นทุน” หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ Jakub Mares ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่สนับสนุนให้เกิดโครงการลดขยะอาหารในโรงแรมกล่าว
“เราจะเดินหน้าต่อไปที่จะช่วยลดความไม่มั่นคงทางอาหาร ลดการใช้ทรัพยากรโลกเพื่อผลิตอาหารออกมาให้เหลือทิ้ง และลดต้นทุนจากอาหารที่สามารถทำได้ด้วยการลดขยะอาหาร”