กรุงเทพฯ--9 ก.ย.--บลจ.จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์
Jitta Wealth เผยตลาดหุ้นไทยหลังโควิด-19 ยังปรับตัวไร้ทิศทาง นักลงทุนหวั่นเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า แนะลงทุนยุค New Normal เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยงในหุ้นต่างประเทศด้วยเทคโนโลยี พร้อมเปิดตัวกองทุนส่วนบุคคล Global ETF จัดพอร์ตให้นักลงทุนได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์คุณภาพดีหลายประเภทจากทั่วโลก ตามทฤษฎี Modern Portfolio Theory บริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติ ลดความผันผวนของพอร์ต เริ่มต้นลงทุน 100,000 บาท ค่าธรรมเนียมต่ำเพียง 0.5% ต่อปี ด้าน 'ตราวุทธิ์’ ซีอีโอ Jitta Wealth ย้ำ ยุค New Normal นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการจัดสรรสินทรัพย์ในพอร์ตเป็นพิเศษ มั่นใจ Global ETF มอบทางเลือกการลงทุนที่ดีให้นักลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด หรือ Jitta Wealth สตาร์ทอัพ WealthTech แรกของไทยที่ได้รับอนุญาตบริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ชี้สถานการณ์การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยเริ่มทรงตัว หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศผ่อนคลายลง แต่ความไม่แน่นอนยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดระลอกที่สองของโควิด-19 ในหลากหลายประเทศ ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อและยอดการเสียชีวิตพุ่งสูงขึ้น กำหนดการเปิดให้เดินทางเข้าประเทศไทยยังต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในขณะที่การเมืองในประเทศก็กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง บั่นทอนความมั่นใจของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นอันมาก
นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Jitta Wealth กล่าวว่า “การลงทุนในยุค New Normal นี้ นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการจัดสรรสินทรัพย์ในพอร์ตเป็นพิเศษ พร้อมกระจายความเสี่ยงลงทุนในต่างประเทศ โดยใช้เทคโนโลยีการลงทุนสมัยใหม่เข้ามาช่วยบริหารจัดการ เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอน ลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว”
ทั้งนี้ Jitta Wealth เล็งเห็นว่า การกระจายความเสี่ยงลงทุนในต่างประเทศนั้น ค่อนข้างยุ่งยาก มักต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นสูง และมีค่าธรรมเนียมแพง จึงได้เปิดตัว กองทุนส่วนบุคคล Global ETF เพื่อทลายกำแพงการลงทุนต่างประเทศ ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 100,000 บาท และค่าธรรมเนียมบริหารจัดการเพียง 0.5% ต่อปี นักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของพอร์ตลงทุนต่างประเทศที่ออกแบบให้เหมาะกับระดับความเสี่ยงของนักลงทุน พร้อมบริหารจัดการอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยี ตามทฤษฎี Modern Portfolio Theory (MPT) ที่นำเสนอแนวทางเพิ่มผลตอบแทนให้สูงที่สุดในระดับความเสี่ยงที่น้อยที่สุด ผ่านการจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท (Asset Allocation) และกระจายความเสี่ยงในแต่ละสินทรัพย์ให้มาก (Diversification) ซึ่งทฤษฎีนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับสากล และได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ประจำปี พ.ศ. 2533
โดย Jitta Wealth จะจัดสรรสินทรัพย์และกระจายความเสี่ยงให้นักลงทุนตามหลักการ MPT ผ่านการลงทุนใน ETF (Exchange Traded Fund) ซึ่งเป็นกองทุนดัชนีประเภทหนึ่งที่เน้นสร้างผลตอบแทนล้อไปกับดัชนีอ้างอิง นอกจากนี้ ETF ยังมีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนผ่านตลาดหุ้นได้ทันที และค่าธรรมเนียมต่ำ จึงเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนทั่วโลก โดยบริษัทวิจัย ETFGI ระบุว่าใน 10 ปีที่ผ่านมา ปริมาณเงินทั่วโลกไหลเข้าซื้อ ETF เพิ่มขึ้นกว่า 6 เท่า จาก 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 6.35 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีปริมาณการซื้อต่อปีสูงสุดที่ 476,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปี 2561 สำหรับครึ่งแรกของปีนี้ แม้จะเกิดวิกฤตตลาดหุ้นทรุดฮวบ แต่เงินก็ไหลเข้า ETF แล้วกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มทำลายสถิติของปี 2561
ETF ที่ Jitta Wealth คัดเลือกมาจัดพอร์ตให้ ประกอบไปด้วย 1) ETF ตราสารทุน โดยกระจายลงทุนในหุ้นตลาดประเทศสหรัฐฯ ตลาดประเทศพัฒนาแล้ว และหุ้นในตลาดเกิดใหม่ที่เติบโตสูง 2) ตราสารหนี้ โดยลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หุ้นกู้เกรดดีในสหรัฐฯ และหุ้นกู้คุณภาพจากทั่วโลก การคัดเลือกจะเน้น ETF ที่มีมูลค่าสินทรัพย์ที่บริหารจัดการสูง แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงและสภาพคล่อง ทั้งยังต้องมีอัตราค่าใช้จ่ายต่ำ และผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีที่อ้างอิงมากที่สุด (tracking error ต่ำ) เช่น Vanguard Total Stock Market ETF อ้างอิงดัชนีหุ้นทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ และ iShares Core U.S. Aggregate Bond ETF อ้างอิงดัชนีพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกูเกรดดีของสหรัฐฯ เป็นต้น
ที่สำคัญ Jitta Wealth บริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคล Global ETF ด้วยระบบอัตโนมัติ (Automated Investing) ที่จะปรับพอร์ตเมื่อสัดส่วนของหุ้น หรือตราสารหนี้ ขยับจากมูลค่าที่ควรจะเป็นเกิน 5% หรือทุกๆ 1 ปี เพื่อรักษาระดับความเสี่ยงและอัตราผลตอบแทนของพอร์ตให้เหมาะสมกับนักลงทุน ตามหลักทฤษฎี Modern Portfolio Theory อย่างเป็นระบบ พิสูจน์ผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี ทำกำไร 4-8% ตามแผนการลงทุนและความเสี่ยงที่รับได้
“กองทุนส่วนบุคคล Global ETF คือเทคโนโลยีการลงทุนยุค New Normal อย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะช่วยบริหารจัดการทุกอย่างให้นักลงทุนแบบอัตโนมัติแล้ว ยังทลายพรมแดนการลงทุน ให้ทุกคนได้เปิดรับโอกาสดีๆ จากทั่วโลก ได้กระจายความเสี่ยง ได้จัดสรรสินทรัพย์ในพอร์ตอย่างมืออาชีพ นักลงทุนจึงมีเวลาใช้ชีวิตอย่างสบายใจ มีเทคโนโลยี Jitta Wealth เป็นเพื่อนคู่คิด จึงเป็นทางเลือกที่ดีมากกับการลงยุค New Normal” นายตราวุทธิ์ กล่าว
ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล Global ETF ของ Jitta Wealth สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.jittawealth.com/global-etf หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Jitta Wealth เพื่อเปิดบัญชีลงทุน ได้ทั้งระบบ iOS และ Android ที่ bit.ly/invest-global-etf