กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--กรมวิชาการเกษตร
ระยะนี้จะมีฝนตกและฝนตกหนักบางพื้นที่ กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรชาวสวนลำไยเฝ้าระวังการระบาดของโรคราน้ำฝน จะพบการระบาดในช่วงที่ต้นลำไยติดผลอ่อน แตกใบอ่อน และช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต การแสดงอาการที่ใบ กิ่ง และยอด ใบอ่อน กิ่งอ่อน และยอดอ่อนไหม้เป็นสีน้ำตาลเข้ม มักพบเส้นใยสีขาวขึ้นฟูปกคลุมกิ่งอ่อนและยอดอ่อน ต่อมาส่วนที่เป็นโรคจะแห้งตายอย่างรวดเร็ว หากระบาดรุนแรง จะทำให้ใบและยอดไหม้ทั่วทั้งต้น การแสดงอาการที่ผล ในระยะผลอ่อนบริเวณเปลือกผลอ่อนและขั้วผลมีสีน้ำตาลเข้ม ส่วนในระยะผลที่ยังแก่ไม่เต็มที่ จะพบผลแตกและเน่า มักพบเส้นใยสีขาวขึ้นฟูคลุม และผลจะหลุดร่วงในที่สุด
หากพบเริ่มระบาด ให้เกษตรกรหมั่นสำรวจสวนลำไยและทำความสะอาดกำจัดวัชพืชโคนต้น เก็บกวาดเศษซากพืชส่วนกิ่ง ใบ ผลที่เป็นโรคใต้ต้นไปเผาทำลายนอกสวนอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกชุก จากนั้นควรตัดแต่งกิ่ง ใบ และทรงพุ่มต้นลำไยให้โปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อลดการสะสมความชื้นใต้ทรงพุ่มไม่ให้มีมากเกินไป อีกทั้งเกษตรกรควรล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ทางการเกษตรต่างๆ ให้สะอาด และผึ่งแดดให้แห้งหลังการใช้งานทุกครั้งอยู่เสมอ เมื่อได้นำไปใช้กับต้นที่เป็นโรคในสวนที่มีการระบาดก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ในครั้งต่อไป
สำหรับในสวนลำไยที่พบการระบาดของโรคราน้ำฝนเป็นประจำ หลังตัดแต่งกิ่งและทำความสะอาดสวนแล้ว ให้เกษตรกรพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชเมทาแลกซิล 25% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 50-60 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม 80% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 80 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารแมนโคเซบ + เมทาแลกซิล-เอ็ม 68% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 30-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นให้ทั่วทั้งต้น ทุก 5-7 วัน และหยุดพ่นก่อนการเก็บเกี่ยวผลผลิตลำไยอย่างน้อย 15 วัน