กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--สยามราชธานี
นายจิรณุ กุลชนะรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ผู้ประกอบธุรกิจการจ้างเหมาบริการครบวงจร (Outsourcing Services) ที่ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานรัฐบาล รัฐวิสาหกิจและบริษัทชั้นนำของประเทศใช้บริการมากว่า 40 ปี เปิดเผยว่า ธุรกิจของบริษัทสามารถเติบโต ได้ท่ามกลางภาวะวิกฤติโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยในอดีตที่ผ่านมาในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจจะมีความต้องการของธุรกิจ Outsource มากขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อการประกอบธุรกิจของบริษัท ทำให้บริษัทมียอดขายและกำไรเติบโต โดยผลดำเนินงานสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,027.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.57% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่มีรายได้ 928.89 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 58.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.79% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่สิ้นปี 2562 มีรายได้รวม 1,955.98 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 109.06 ล้านบาท
ขณะที่ความสามารถในการทำธุรกิจแข็งแกร่ง โดยสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น 17.41% ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 17.36% อัตรากำไรสุทธิ เท่ากับ 5.74% ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 5.17% และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ 34.16%
นายจิรณุ กล่าวว่า รายได้ที่เติบโตขึ้นมาจากธุรกิจบริการจัดหาบุคลากร ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทในสัดส่วนมากกว่า 80% ของรายได้รวม ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากลูกค้าประเภทหน่วยงานรัฐบาลรายใหญ่ที่เป็นคู่สัญญาของบริษัทซึ่งได้เพิ่มทั้งในส่วนของจำนวนพนักงานและอัตราค่าจ้างตามสัญญา เมื่อเทียบกับสัญญาเดิม ที่บริษัทเคยได้รับในงวดเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทยังมีการเติบโตของรายได้ค่าเช่าและบริการ ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้บริการรถยนต์ให้เช่า ซึ่งบริษัทได้ลูกค้าประเภทหน่วยงานของรัฐบาลรายใหญ่รายหนึ่งที่มีการทำสัญญาตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2562 เป็นสัญญาระยะสั้นที่มีการรับรู้รายได้ต่อเนื่องมาจนถึงในช่วงไตรมาส ที่ 1 ปี 2563 และภายหลังสัญญาสิ้นอายุ บริษัทได้เข้าร่วมประมูลและเป็นผู้ชนะการประมูลได้รับสัญญาระยะยาว 5 ปี นับจากเดือนเมษายน 2563 เป็นต้นไป ทำให้บริษัทรับรู้รายได้เพิ่มเติมเข้ามา
“ลูกค้าที่เป็นหน่วยงานของภาครัฐมีสัดส่วนที่เพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันขยับขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 60% ของรายได้จากการประกอบธุรกิจหลักรวม เทียบจากเมื่อช่วง 3 ปีก่อนสัดส่วนลูกค้าที่เป็นหน่วยงานภาครัฐจะอยู่ที่ 56% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคุณภาพในการให้บริการของบริษัทเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าของบริษัท ทำให้ลูกค้ายังคงมีความประสงค์ที่จะใช้บริการจัดหาบุคลากรของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่เหลือก็เป็นลูกค้าภาคเอกชน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามราชธานี กล่าว
ในส่วนของต้นทุนการให้บริการจัดหาบุคลากรและต้นทุนค่าเช่าและค่าบริการรวม สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เท่ากับ 836.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่ากับ 78.50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 10.35 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับ 758.40 ล้านบาท แม้ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นแต่การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นที่สอดคล้องกับการเติบโตของรายได้
สำหรับผลกระทบจากโควิด-19 บมจ.สยามราชธานี หรือ SO ได้รับผลกระทบเล็กน้อยในส่วนของค่าล่วงเวลา(OT) อย่างไรก็ตามในวิกฤติย่อมมีโอกาสจากสถานการณ์โควิด-19 ก็ส่งผลดีเช่นกัน กล่าวคือทำให้ผู้ประกอบการ โดยส่วนใหญ่จะต้องบริหารบุคลากรท่ามกลางวิกฤติ ซึ่ง Outsource ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่สามารถลดความเสี่ยงและต้นทุนลงได้ เช่นเดียวกับวิกฤติต้มยำกุ้ง และแฮมเบอร์เกอร์ ที่เป็นปัจจัยทำให้ SO เติบโตนั้นคือโอกาสการเติบโตของ SO
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามราชธานี กล่าวถึงความคืบหน้าในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ว่า ยังคงเดินหน้าต่อไปตามแผนที่วางไว้