กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--โฟร์โนล็อค
นายอนุวัติ วิเชียรณรัตน์ ประธานกรรมการบริษัท 4NOLOGUE จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงทุนกว่า50ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบแพลตฟอร์มธุรกิจภายใต้ชื่อ “ไฮบริดเอ็นเตอร์เทนเมนท์”เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีใหม่หรือนิว นอร์มัล ให้ขับเคลื่อนธุรกิจไปได้ ขณะเดียวกันที่ผ่านมา ได้จัดกลุ่มธุรกิจหลักๆของบริษัท ประกอบด้วย คอนเสิร์ตโปรโมเตอร์และไลฟ์โปรดักชั่น เป็นตัวแทนนำเข้าศิลปินจากต่างประเทศ เพลงและกิจกรรมบันเทิงรูปแบบใหม่ อีเว้นท์ออกาไนซ์เซอร์ โฆษณาและสื่อโฆษณารูปแบบใหม่ และดิจิทัล โซลูชั่นและการบริหารจัดการข้อมูล เพื่อขยายกลุ่มธุรกิจออกไปให้มีความหลากหลาย อีกทั้งยังเป็นการกระจายความเสี่ยง ให้สามารถอยู่ได้เมื่อเผชิญสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เราได้เจอกับช่วงวิกฤติมาหลายเหตุการณ์ เช่น เตรียมเงินสำรองไว้ ในกรณีฉุกเฉินในระหว่างที่เราไม่สามารถทำธุรกิจได้ เป็นต้น ดังนั้นจึงได้มีการเตรียมความพร้อมและได้เตรียมเงินสำรองไว้ไม้น้อยกว่า60ล้านบาทในกรณีที่ทั้งปีไม่ได้ทำธุรกิจเลยซึ่งช่วงที่ผ่านมาเราก็ผ่านพ้นมาได้และระหว่างนี้ก็เริ่มที่จะทำธุรกิจได้บ้างแล้วคาดว่าสถานการณ์จะไม่แย่กว่าที่ผ่านๆมา”
ในช่วงที่ผ่านมาทุกธุรกิจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 บริษัท4NOLOGUEก็เช่นเดียว กัน ที่ธุรกิจหยุดไปทั้งหมดในช่วงหนึ่ง แต่บริษัทไม่ได้หยุดพัฒนาเพราะต่อจากนี้ไปต้องทำธุรกิจในแพลตฟอร์มใหม่ อาทิ คอนเสิร์ตที่ถ่ายทอดออนไลน์และจัดในสถานที่จริง(ออนกราวด์)ซึ่งจะได้เห็นรูปแบบใหม่ในเดือนต.ค.นี้ นับเป็นการพัฒนาจากฝีมือของคนไทยแต่คุณภาพงานเทียบมาตรฐานสากลพร้อมกันนั้นจะได้เปิดตัววงดนตรีของศิลปินไทยอีก2-3วงจากปัจุบันมีศิลปินในค่ายแล้ว1วงคือ TRINITY จากเดิมที่เน้นจัดและนำเข้าคอนเสิร์ตเกาหลี นอกจากนี้ยังมีโครงการที่จะจัดงานคอนเสิร์ตในเดือนต.ค.และจะมีงานใหญ่ปลายปีนี้ ส่วนธุรกิจดิจิทัล งานกิจกรรมค่ายเพลง และโฆษณา เราก็ดำเนินต่อไปคาดว่าปีนี้รายได้จะลดลงประมาณ10-15%จากปี62ที่มีรายได้700ล้านบาท
“ภาพรวมของวิกฤตเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด ทำให้หลายธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจที่ทำอีเวนท์และงานคอนเสิร์ตได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จากการที่ภาครัฐประกาศให้งดกิจกรรมคอนเสิร์ตหรืองานอีเวนท์ต่างๆนั้น มีผลให้ต้องเลื่อนการจัดงานไปหลายงาน เช่น คอนเสิร์ต GOT7 เป็นต้น บริษัท 4NOLOGUE จำกัด เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในการเป็นผู้จัดคอนเสิร์ตของศิลปินระดับโลก และยังมีค่ายเพลงและศิลปินในสังกัดเป็นของตัวเองกลับมองว่า ในวิกฤตนี้ คือโอกาสที่เราจะทำทุกสิ่งได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น”