กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--เวิรฟ พับบลิค รีเลชั่นส์ คอนซัลแตนท์ซี
'บ้านปู เน็กซ์’ บริษัทลูกของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ร่วมผลักดันแผนพัฒนาจังหวัดขอนแก่นสู่สมาร์ทซิตี้ ผนึก 'ภาคีเครือข่ายพัฒนาเมืองขอนแก่น’ ลงนามความร่วมมือ “โครงการพัฒนาสมาร์ทซิตี้จังหวัดขอนแก่น” โดยมีวัตถุประสงค์ในการร่วมศึกษาความเป็นไปได้ในการนำพลังงานสะอาด และเทคโนโลยีพลังงาน เข้าไปติดตั้งในพื้นที่เขตจังหวัดขอนแก่น พร้อมร่วมกันผลักดันการใช้พลังงานสะอาดอย่างเต็มรูปแบบ ขานรับนโยบายพลังงาน 4.0 และแผนแม่บทการพัฒนาเมืองขอนแก่นสมาร์ทซิตี้ 2029 เพื่อยกระดับการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน ช่วยลดมลพิษ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ตลอดจนสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชาวขอนแก่น
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “บ้านปู เน็กซ์ เป็นผู้ให้บริการพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter ของบ้านปูฯ เดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นนำนวัตกรรมความรู้ และโซลูชันด้านเทคโนโลยีพลังงานที่หลากหลายมาเติมเต็มการใช้ชีวิตให้แก่ทุกภาคส่วน ล่าสุดผนึกความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายพัฒนาเมืองขอนแก่น โดยจะร่วมศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างระบบนิเวศด้านการใช้พลังงานสะอาดที่ครบวงจร อาทิ การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ การวางระบบสายส่งไฟฟ้าอัจฉริยะ การศึกษาการนำระบบกักเก็บพลังงานเพื่อเสริมศักยภาพการใช้พลังงานอย่างเหมาะสม การพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะ การวางระบบสัญจรทางเลือกสาธารณะรองรับส่วนต่อขยายโครงการขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าระบบรางเบา รวมถึงการนำเทคโนโลยีพลังงานสมัยใหม่อื่นๆ มาใช้ในเมืองขอนแก่น เพื่อสนับสนุนการสร้างสภาพแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชาวขอนแก่น และร่วมขับเคลื่อนขอนแก่นเข้าสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้ตามแผนพัฒนาเมืองฯ
บ้านปู เน็กซ์ มีโครงการสมาร์ทซิตี้ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และดำเนินการอยู่หลายแห่ง และยังมีโซลูชันด้านพลังงานสะอาดที่ครบวงจร ทั้งรูปแบบฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ซึ่งสามารถออกแบบให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ รวมถึงมีแพลตฟอร์มด้านการบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System) ที่ได้นำอินเทอร์เน็ตออฟติงส์ (IoT) เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการระบบควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และประมวลผลการใช้พลังงานสะอาดอย่างแม่นยำ ตลอดจนสามารถมอนิเตอร์ และแจ้งเตือนเหตุขัดข้องของระบบฯ หรือไซต์งานได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถวางแผนป้องกันปัญหาได้ล่วงหน้า เพื่อให้ระบบฯ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงเชื่อว่าความเชี่ยวชาญ และโซลูชันของบริษัทฯ จะสามารถตอบโจทย์การพัฒนาเมืองขอนแก่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และเป็นประโยชน์สูงสุด พร้อมช่วยผลักดันให้ขอนแก่นเป็นอีกหนึ่งเมืองต้นแบบด้านการใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่ครบวงจร”
นายกมลพงศ์ สงวนตระกูล ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า “หอการค้าจังหวัดขอนแก่น มุ่งมั่นที่จะเป็นแกนหลักของภาคเอกชนที่ร่วมขับเคลื่อนภารกิจสำคัญในการร่วมพัฒนาจังหวัดขอนแก่นสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่สอดรับกับนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 4.0 ซึ่งหัวใจสำคัญของการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ คือ การเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ภายใต้แผนทั้ง 6 ด้าน แผนการเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) พลเมืองอัจฉริยะ (Smart Citizen) สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) และการบริหารภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance) ซึ่งทางหอการค้าจะทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมโยงทุกภาคส่วน เพื่อให้การพัฒนาเมืองเป็นไปในทิศทางเดียวกันตามแผนแม่บทพัฒนาเมืองฯ รวมถึงมุ่งส่งเสริมการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านกายภาพ (Infrastructure) และรูปแบบอินเทอร์เน็ตออฟติงส์ (IoT) ให้สอดคล้องกับความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ และนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาระบบสาธารณูปโภค และการคมนาคมต่างๆ ให้ทันสมัย และสะดวกสบายยิ่งขึ้น ที่สำคัญจะนำพลังงานสะอาด และเทคโนโลยีด้านพลังงานต่างๆ มาใช้ภายในเมืองขอนแก่นอย่างเป็นรูปธรรม”
นายทรงศักดิ์ ทองไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า “การใช้พลังงานสะอาดในประเทศไทยใน ปัจจุบัน และอนาคต มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากทุกภาคส่วนเริ่มให้ความสำคัญ และหันมาใช้กันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น พลังงานลม พลังงานจากขยะ โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นพลังงานสะอาดที่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยที่มีแดดตลอดทั้งปี ดังนั้นในฐานะภาคีเครือข่ายฯ จึงมองหาโอกาสที่จะนำพลังงานสะอาดมาใช้กับโครงการพัฒนา Smart City ซึ่งบ้านปู เน็กซ์ จะเข้ามาตอบโจทย์ดังกล่าว เนื่องจากเป็นองค์กรชั้นนำที่มีประสบการณ์ในแวดวงพลังงานสะอาดมายาวนาน ทั้งในระดับประเทศ และระดับภูมิภาค รวมถึงมีโซลูชัน และเทคโนโลยีพลังงานที่หลากหลายครบวงจร จึงเชื่อว่าจะนำมาปรับใช้กับแต่ละพื้นที่ในจังหวัดขอนแก่นได้อย่างเหมาะสม สำหรับสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น เราจะเดินหน้าสร้างการรับรู้ถึงความร่วมมือในครั้งนี้ และส่งเสริมการให้ความรู้เรื่องพลังงานสะอาดกับเหล่าสมาชิก และคนในชุมชน เพื่อร่วมกันดำเนินงานในทิศทางที่สอดคล้องกัน โดยเชื่อว่าหากความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มมีความคืบหน้า อาทิ มีการติดตั้งโซลาร์ หรือระบบโครงข่ายอัจฉริยะ จะสามารถยกระดับสภาพแวดล้อม และความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงช่วยสร้าง Smart Environment ที่มีการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนได้อย่างแท้จริง”
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง (เคเคทีที) จำกัด กล่าวว่า “บริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง (เคเคทีที) จำกัด หรือ เคเคทีที คือ บริษัท ที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มนักธุรกิจที่เป็นลูกหลานชาวขอนแก่น โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อร่วมกันขับเคลื่อน และพัฒนาจังหวัดขอนแก่นให้เติบโตอย่างถูกหลักวิชาการ ตลอดจนมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในจังหวัด ซึ่งในฐานะหนึ่งในภาคีเครือข่ายที่ร่วมพัฒนาจังหวัดขอนแก่นมาโดยตลอด จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ผนึกความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำในแวดวงธุรกิจพลังงานสะอาดของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่าง บ้านปู เน็กซ์ และเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญของแผนพัฒนาสมาร์ทซิตี้ เพราะเทคโนโลยีพลังงานสะอาด คือ ฟันเฟืองชิ้นสำคัญในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาเมืองให้ก้าวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ สมบูรณ์ และมีความยั่งยืน ขณะเดียวกันยังเป็นการส่งเสริม และปลูกฝังให้ทุกภาคส่วน และคนในท้องถิ่นเห็นความสำคัญ และหันมาใช้พลังงานสะอาดกันเพิ่มมากขึ้น เพื่อร่วมกันบริหารจัดการพลังงานในพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพ ลดมลภาวะ และลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง อันจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับคนในพื้นที่ รวมถึงช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับทางจังหวัด ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนในอนาคตได้อีกด้วย”
“บ้านปู เน็กซ์ จะเริ่มดำเนินการต่างๆ ร่วมกับภาคีเครือข่ายฯ สภาอุตสาหกรรมขอนแก่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยบริษัทฯ เตรียมจะเข้าประชุมร่วมกับสภาอุตสาหกรรมขอนแก่น เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับแผนงานในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับโรงแรม และโรงงานอุตสาหกรรมทั้งขนาดกลาง และขนาดใหญ่” นางสมฤดี กล่าวทิ้งท้าย